หน่วยที่ 3 สินค้าคงเหลือ
-
สินค้าคงเหลือจัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนซึ่งมีอยู่ในกิจการทั้งประเภทพาณิชยกรรม
กิจการผลิตกรรมและกิจการบริการ กิจการต้องคำนวณต้นทุนของสินค้าคงเหลือตามทีมาตรฐานการบัญชีกำหนด
สำหรับการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือมี 2 วิธี คือ
วิธีบันทึกบัญชีสินค้าเมื่อสิ้นงวด และวิธีบันทึกบัญชีสินค้าแบบต่อเนื่อง
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามเกณฑ์ราคาทุนมีหลายวิธีที่สำคัญ
ได้แก่ วิธีราคาเจาะจง วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก วิธีเข้าก่อนออกก่อน
และวิธีเข้าหลังออกก่อน
ซึ่งแม้ว่ามาตรฐานการบัญชีไทยไม่อนุญาตให้ใช้วิธีเข้าหลังออกก่อนในทางปฏิบัติ
แต่ในหน่วยการสอนนี้จะได้อธิบายไว้เพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาทางทฤษฎีและมีการปฏิบัติกันในต่างประเทศ
ที่สำคัญได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามเกณฑ์อื่นที่สำคัญ
ได้แก่ วิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ วิธีต้นทุนมาตรฐาน วิธีราคาขายปลีก
และวิธีอัตรากำไรขั้นต้น
โดยวิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รบจะใช้สำหรับเปรียบเทียบกับราคาทุนและใช้มูลค่าที่ต่ำกว่าเป็นมูลค่าของสินค้าคงเหลือ
ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน ส่วนวิธีต้นทุนมาตรฐาน
วิธีราคาขายปลีกและวิธีอัตรากำไรขั้นต้น
เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประมาณมูลค่าของสินค้าคงเหลือปลายงวด
-
กิจการต้องรับรู้สินค้าคงเหลือเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ที่มาตรฐานการบัญชีกำหนด
หากกิจการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือผิดพลาดจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกิจการทั้งในงวดปัจจุบันและในงวดบัญชีถัดไป
และ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
กิจการจะต้องแสดงสินค้าคงเหลือในงบแสดงฐานะการเงินตามราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า
รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
-
สินค้าคงเหลือ หมายถึง
สินทรัพย์ซึ่งกิจการถือไว้เพื่อขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจโดยปกติของกิจการ
รวมถึงสินทรัพย์ซึ่งอยู่ในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อขายสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบ
ตลอดจนวัสดุที่มีไว้เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
สินค้าคงเหลืออาจจำแนกได้เป็น 4 ประเภท สินค้าสำเร็จรูป งานระหว่างทำ วัตถุดิบ และ
วัสดุโรงงาน
-
การจะนับรวมรายการใดเป็นสินค้าคงเหลือของกิจการจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับเงื่อนไขการซื้อขายของสินค้าระหว่างทาง
สินค้าฝากขาย สินค้าที่ขายตามสัญญาผ่อนชำระและสินค้าที่ขายเผื่อชอบ
ส่วนการวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือมีเกณฑ์ใหญ่ๆ 2 เกณฑ์ คือ เกณฑ์ราคาทุน และเกณฑ์อื่น
-
มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 (ปรับปรุง 2552)
เรื่องสินค้าคงเหลือ กำหนดว่าต้นทุนของสินค้าคงเหลือประกอบด้วยต้นทุนทั้งหมดในการซื้อ
ต้นทุนแปลงสภาพ และต้นทุนอื่นๆ
ที่เกิดขึ้นเพื่อให้สินค้าคงเหลือนั้นอยู่ในสถานที่และอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
-
วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าเหลือมี 2 วิธี คือ 1)
วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าเมื่อสิ้นงวด และ 2) วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าแบบต่อเนื่อง
การบันทึกบัญชีสินค้าเมื่อสิ้นงวดจะบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นงวดบัญชีโดยได้ยอดสินค้าคงเหลือมาจากการตรวจนับ
ส่วนการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นงวดบัญชีโดยได้ยอดสินค้าคงเหลือมาจากการตรวจนับ
ส่วนการบันทึกบัญชีสินค้าแบบต่อเนื่องจะบันทึกบัญชีทันทีเมื่อมีรายการเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ
โดยเปิดบัญชีสินค้าคงเหลือไว้สำหรับบันทึกบัญชีเมื่อซื้อ
เมื่อส่งคืนสินค้าและได้รับส่วนลด และเมื่อขายสินค้าออกไป
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีราคาเจาะจงเป็นวิธีคิดมูลค่าของสินค้าแต่ละรายการตามราคาทุนของสินค้านั้นๆ
จึงเหมาะกับสินค้าที่มีราคาต่อหน่วยสูง และมีรายการสินค้าไม่มากชนิด
สินค้าแต่ละหน่วยไม่สามารถสับเปลี่ยนหรือทดแทนกันได้
สำหรับกรณีที่สินค้าแต่ละหน่วยสามารถสับเปลี่ยนกันได้
กิจการควรใช้วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก วิธีเข้าก่อนออกก่อน
หรือวิธีเข้าหลังออกก่อน
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
ต้นทุนของสินค้าคงเหลือแต่ละรายการจะกำหนดจากการถัวเฉลี่ยต้นทุนของสินค้าที่เหมือนกัน
ณ วันต้นงวดกับต้นทุนของสินค้าที่เหมือนกันที่ซื้อมาหรือที่ผลิตขึ้นในระหว่างงวด
ซึ่งวิธีการคำนวณอาจทำได้ 2 วิธี คือ 1) วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเป็นระยะๆ
ซึ่งมักจะคำนวณหาต้นทุนต่อหน่วยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทุกวันสิ้นงวดบัญชี และ 2)
วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักแบบเคลื่อนที่
ซึ่งจะคำนวณหาต้นทุนต่อหน่วยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทุกครั้งที่ได้รับสินค้าเข้ามา
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีเข้าก่อนออกก่อนมีข้อสมมติฐานว่าสินค้าที่ซื้อมาก่อนหรือผลิตขึ้นก่อนจะถูกขายออกไปก่อน
ดังนั้นสินค้าคงเหลือปลายงวดจึงเป็นสินค้าที่ซื้อมาหรือผลิตขึ้นในครั้งหลังๆ
วิธีนี้การไหลเวียนของสินค้าจะสอดคล้องกับการคิดต้นทุนของสินค้าคงเหลือ
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีเข้าหลังออกก่อนมีข้อสมมติฐานว่าสินค้าที่ซื้อมารุ่นหลังๆ
หรือผลิตทีหลังจะถูกขายออกไปก่อน ดังนั้น
สินค้าคงเหลือปลายงวดจึงเป็นสินค้าที่ซื้อมารุ่นแรกๆ หรือผลิตขึ้นในครั้งแรกๆ
วิธีนี้การไหลเวียนของสินค้าจะตรงกันข้ามกับการคิดต้นทุนของสินค้าคงเหลือ
และมาตรฐานการบัญชีไทยไม่อนุญาตให้ใช้วิธีนี้
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือด้วยวิธีมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ
หมายถึง
จำนวนสุทธิที่กิจการาดว่าจะได้รับจากการขายสินค้าตามลักษณะการประกอบธุรกิจตามปกติ
ซึ่งคำนวณจากราคาโดยประมาณที่คาดว่าจะขายได้ตามปกติ
หักด้วยประมาณการต้นทุนในการผลิตสินค้านั้นให้เสร็จ
และต้นทุนอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายไปเพื่อให้ขายสินค้านั้นได้
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีราคาขายปลีกเป็นวิธีการประมาณต้นทุนของสินค้าคงเหลือโดยใช้อัตราต้นทุนต่อราคาขายปลีกเป็นตัวปรับราคาขายปลีกให้เป็นราคาทุน
โดยทั่วไปมักใช้กับกิจการค้าปลีกซึ่งขายสินค้าจำนวนหลากหลายชนิดในแต่ละวัน
เพื่อวัดมูลค่าต้นทุนสินค้าคงเหลือประเภทร้อยละถัวเฉลี่ยของแผนกขายปลีกแต่ละแผนกในการประมาณการต้นทุน
-
การวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือตามวิธีอัตรากำไรขั้นต้น
มีข้อสมมติฐานว่าอัตรากำไรขึ้นต้นในแต่ละปีค่อนข้างคงที่
จึงใช้อัตรากำไรขึ้นต้นในอดีตเป็นเกณฑ์ในการประมาณมูลค่าสินค้าคงเหลือ
โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่นำมาใช้อาจเป็นอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายสุทธิหรืออัตรากำไรขั้นต้นต่อต้นทุนขายก็ได้
-
การรับรู้รายการสินค้าคงเหลือเป็นค่าใช้จ่าย
อาจแบ่งได้เป็น 3 กรณี คือ 1) เมื่อมีการขายสินค้า 2) เมื่อมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าที่ต่ำกว่าราคาทุน
และ 3) เมื่อมีผลขาดทุนอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงเหลือ โดยกรณีที่ 1)
จะรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดที่มีการรับรู้รายได้ที่เกี่ยวข้อง กรณีที่ 2
ให้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายโดยแสดงเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนขายในงวดที่ปรับมูลค่าของสินค้าคงเหลือให้ลดลง
ส่วนกรณีที่ 3
ให้แสดงเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการบริหารในงดที่มีผลขาดทุนเกิดขึ้น
-
หากกิจการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือปลายงวดสูงกว่าความเป็นจริง
จะมีผลกระทบทำให้ต้นทุนขายต่ำไป กำไรสุทธิสูงไป และงบแสดงฐานะการเงินจะแสดงสินทรัพย์รวมและกำไรสะสมสูงไปด้วย
แต่ในงวดบัญชีถัดไป สินค้าคงเหลือปลายงวดที่สูงไปจะยกมาเป็นสินค้าคงเหลือต้นงวด
จึงทำให้ต้นทุนขายสูงไป และกำไรสุทธิงวดถัดไปต่ำไป
แต่ไม่กระทบต่องบแสดงฐานะการเงินงวดถัดไป ส่วนถ้ากิจการบันทึกสินค้าคงเหลือปลายงวดต่ำกว่าความเป็นจริงผลกระทบจะเป็นตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา
-
การแสดงมูลค่าสินค้าคงเหลือตามมาตรฐานการบัญชี
กำหนดให้ใช้ราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า โดยส่วนใหญ่ใช้วิธีเปรียบเทียบราคาทุนกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าแต่ละรายการ
หรืออาจจะเปรียบเทียบจากกลุ่มสินค้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือมีความเกี่ยวพันกันก็ได้
พร้อมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น