วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561

หน่วยที่ 9-10


หน่วยที่ 9 Moving On
               1. ในการศึกษาด้วยตนเอง นักศึกษาส่วนหนึ่งจะประสบปัญหาทำให้ไม่สามารถเรียนได้ดังที่ตั้งใจไว้ นักศึกษาต้องหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาและพยายามแก้ไข โดยมองปัญหาว่าเป็นสิ่งท้าทายให้เผชิญและแก้ไข หากนักศึกษาไม่ท้อถอยและสามารถแก้ปัญหาได้ นักศึกษาจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
               2. การเขียนจดหมายสมัครงานเป็นการเสนอขายสินค้าอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือผู้สมัครนั่นเอง โดยจะต้องให้จดหมายนั้นดูดี ในการเขียนต้องคำนึงถึง รูปแบบ เนื้อหา และวิธีการนำเสนอ
               3. ในการเตรียมตัวเพื่อสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครต้องเตรียมตอบคำถามที่คาดว่าผู้สัมภาษณ์จะถามและเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อจะได้สามารตอบคำถามได้คล่องแคล่วเป็นที่ประทับใจแก่ผู้สัมภาษณ์
ตอนที่ 9.1 Learning Challenges
               1. การขอคำแนะนำจากผู้อื่นมีหลายสำนวน เช่น What do you think I should do?, What should I do?
               2. การให้คำแนะนำแก่ผู้อื่นอาจใช้สำนวน I think you should …., Why don’t you …. หรือ Perhaps you should ….
คำอธิบาย
            จากที่ได้ฟังนักศึกษาแต่ละคนกล่าวถึงปัญหาในการเรียนของตนเองใน Presentation สรุปได้ว่า
               สมศรีไม่สามารถเรียนตามแผนการเรียนที่ตนกำหนดไว้อย่างมีระบบตั้งแต่แรก ซึ่งสมศรีมองว่าเนื่องมาจากการที่ตนเองไม่สามารถบริหารเวลาได้อย่างเหมาะสม และมีอุปสรรคต่างๆ เช่น เหนื่อยจากงาน การเดินทาง และความเกียจคร้านของตนเอง
               กรรชัยตั้งใจที่จะเรียนอย่างมาก หลังจากมาเข้ากลุ่มครั้งที่แล้วกรรชัยสามารถเรียนได้มาก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อกลับจากงานตอนเย็น เขาได้แต่รู้สึกผิดอยู่ในใจที่ไม่สามารถบังคับตัวเองให้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านได้
               บังอรมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนอย่างมาก เมื่อยังไม่ได้รับหนังสือเรียนก็เฝ้าคอยว่าเมื่อไรหนังสือจะมา และเมื่อได้รับหนังสือแล้วก็เริ่มเรียนทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปบังอรก็เรียนได้น้อยลงไปทุกทีโดยมักมีอุปสรรคต่างๆ เช่น ไม่ว่าง เหนื่อยจากงาน หรือต้องไปช่วยคุณแม่ทำงานในเวลาที่กันไว้สำหรับการเรียน
               สมานมีอาชีพเป็นพนักงานขายที่ทำงานโดยไม่มีวันหยุด เขาต้องเดินทางมาก และออกไปหาลูกค้าต่างจังหวัด โดยนำงานเอกสารมาทำที่บ้าน เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อระวังไม่ให้ยอดขายตกลงในแต่ละเดือน จึงหาเวลาเรียนไม่ได้เลย เขามองว่าการเรียนทำให้เขาได้พัฒนาตนเองและมีวุฒิการศึกษาสูงขึ้น เพื่อจะได้ทำงานที่มีรายได้และสภาพการทำงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม เขาคิดว่าเขาต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการลาออกจากงานหรือหยุดเรียนกับ มสธ.
Listening Strategies: Listening for details
            การฟังที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ทราบรายละเอียดของเรื่องอาจกระทำได้โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือขั้นก่อนฟัง ขั้นระหว่างฟัง และขั้นหลังฟัง ถ้านักศึกษาตระหนักถึงขั้นตอนทั้งสามในการฟังและปฏิบัติได้เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน จะทำให้นักศึกษาสามารถฟังเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้น
               1. ขั้นก่อนฟัง
            ขั้นก่อนฟังนี้เป็นการเตรียมตัวเพื่อฟังรายละเอียดของเรื่องโดยตั้งคำถามถามตัวเองในใจ หรือระดมสมอง (brainstorming) ความรู้ ความคิดของผู้ฟังเองซึ่งเป็นผู้รับสาร ก่อนที่จะรับข้อมูลข่าวสารจากผู้ส่งสารคือผู้พูด คำถามที่นักศึกษาอาจถามตัวเองมีดังนี้
               1.1 คาดว่าจะได้ยินอะไรจากผู้พูด การคาดเดาเรื่องที่จะได้ยิน เป็นการเตรียมตัวฟังโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับมาก่อนกาฟังเนื้อเรื่อง มาทำความคุ้นเคยกับเรื่องที่ฟัง ข้อมูลดังกล่าวได้แก่ การเกริ่นนำ (introduction) ของผู้พูด หัวข้อของการพูด (topic) หรือชื่อเรื่อง (title) การคาดเดานี้นักศึกษาต้องตระหนักว่า อาจผิดจากเรื่องที่ได้ฟังจริงๆ จุดสำคัญคือ นักศึกษาต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนความคิดและเปิดใจรับเนื้อเรื่องที่จะได้ยิน
               จากกิจกรรมการฟังใน Presentation นักศึกษาคงทราบจากคำอธิบายในย่อหน้าแรกแล้ว่าจะได้ฟังเรื่องที่กลุ่มนักศึกษามาพบกันโดยมีอาจารย์มาร่วมด้วยเพื่อคอยให้คำปรึกษาแนะนำ นักศึกษาส่วนหนึ่งบ่นเรื่องการเยนของตน ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับสาเหตุหลายประการ นักศึกษาบางคนอ้างว่าแรงจูงใจในการเรียนของตนลดลง และมักจะมีสิ่งต่างๆ มาขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติตามแผนการเรียนที่ได้วางไว้ บ้างก็ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่ไม่สามารถเรียนได้ตามที่ตั้งใจไว้ และบางคนกำลังคิดที่จะเลิกเรียนไปเลย จากข้อมูลนี้นักศึกษาคงจะคาดเดาได้ว่าจะได้ยินเสียงนักศึกษาแต่ละคนเล่าถึงปัญหาในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง การคาดเดาเรื่องที่จะได้ฟังนี้ ไม่ว่าจะคาดเดาได้ถูกหรือผิดก็จะทำให้นักศึกษามีจุดสนใจ (focus) ในการฟังดีขึ้น
               1.2 รู้อะไรบ้างมาก่อนแล้วในเรื่องนี้ การนำความรู้รอบตัว หรือความรู้พื้นฐานที่ผู้ฟังมีในเรื่องที่จะได้ฟังมาช่วยในการฟัง จะทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องที่จะได้ยินดีขึ้น ขอให้นักศึกษาระลึกว่ากำลังจะฟังเรื่องราวเพื่อเพิ่มพูนความรู้เดิมที่ตนมีอยู่ไม่ใช่ฟังสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย นอกจากนั้นอาจตรวจสอบว่าสิ่งที่จะได้ยินนั้นตรงกับสิ่งที่นักศึกษารู้มาก่อนหรือแตกต่างกันอย่างไร หากเรื่องที่จะได้ฟังเป็นสิ่งที่นักศึกษาไม่มีความรู้เดิมมาก่อนเลย นักศึกษาก็จะต้องเตรียมตัวไว้ก่อนว่าจะต้องฟังอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ
               นอกจากนี้นักศึกษายังอาจเตรียมตัวฟังโดยนำถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ ว่าผู้พูดอาจจะใช้คำใดบ้างในการพูด เป็นการสร้างความคุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษที่ได้ยิน
               ในกิจกรรมก่อนการฟังใน Presentation ที่ผ่านมา การที่นักศึกษาเองก็เป็นนักศึกษาที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารกับ มสธ. ทำให้นักศึกษามีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้ ปัญหาในการเรียนของนักศึกษาอาจคล้ายคลึงหรือตรงกับนักศึกษาบางคนในเนื้อเรื่อง ประสบการณ์ในการเรียนวิชานี้ของนักศึกษาจึงเป็นข้อมูลที่ช่วยให้นักศึกษาฟังเนื้อเรื่องได้เข้าใจง่ายขึ้น อีกทั้งนักศึกษาอาจจับจุดสนใจในการฟังได้ดีขึ้น โดยเปรียบเทียบว่าข้อมูลที่ได้ฟังมีส่วนเหมือนหรือต่างจากความรู้เดิมอย่างไร
               2. ขั้นระหว่างฟัง
            นอกจากการนำความรู้ทีเตรียมไว้ในขั้นก่อนฟังมาช่วยในระหว่างการฟังเนื้อเรื่องแล้ว ในขณะที่ฟังนักศึกษาควรจดบันทึกย่อหัวข้อและรายละเอียดของสิ่งที่ได้ฟังไปด้วย การจดบันทึกย่อจะทำให้นักศึกษามีสมาธิในการฟังดีขึ้น และไม่หลงลืมรายละเอียดเมื่อฟังจบเรื่อง นอกจากนั้นยังทำให้นักศึกษาสามารถเห็นความสัมพันธ์ของรายละเอียดที่กำลังฟังได้ดีขึ้น การจดบันทึกย่ออาจทำในรูปบบของตาราง (table) แผนภูมิ (chart) แผนที่ความคิด (concept mapping) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลนั้นๆ โดยนักศึกษาจะต้องพยายามโยงความสัมพันธ์ของข้อมูลแต่ละส่วนของเนื้อเรื่องที่ได้ฟัง ว่าข้อมูลที่กำลังฟังอยู่มีความสัมพันธ์กับข้อมูลที่ได้ยินก่อนหน้านี้อย่างไร
               ใน Presentation ที่ผ่านมา เนื้อเรื่องที่ฟังเกี่ยวกับปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองของผู้พูดแต่ละคน และสาเหตุของปัญหา รูปแบบของการบันทึกที่จะเสนอแนะให้นักศึกษาทำในครั้งนี้คือ ตารางที่มี 3 คอลัมน์ ได้แก่ ชื่อผู้พูด ปัญหา และสาเหตุ (นักศึกษาอาจมีวิธีการจดบันทึกที่ได้ผลสำหรับนักศึกษาเองแตกต่างไปจากที่แนะนำ)
               3. ขั้นหลังฟัง
            หลังการฟังนักศึกษาควรทบทวนข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์ของรายละเอียดต่างๆ และสรุปเนื้อหาที่ได้รับความรู้จากการฟังในแต่ละครั้ง นอกจากนี้นักศึกษายังอาจค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือตรวจสอบว่าเนื้อหาที่ได้จากผู้พูดถูกต้องหรือไม่จากแหล่งอื่นๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือผู้รู้คนอื่นๆ เป็นต้น
               กิจกรรมหลังการฟังใน Presentation เป็นตัวอย่างของการวิเคราะห์ข้อมูลหลังการฟัง โดยเปรียบเทียบสาเหตุของปัญหาของผู้พูดแต่ละคนที่จดบันทึกไว้ แล้วสรุปว่ามีสิ่งใดที่มีลักษณะร่วมกันบ้าง จากนั้นจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ เป็นตารางในแบบฝึกหัดที่ 1 จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยข้อมูลจากประสบการณ์ของนักศึกษาเอง ซึ่งถือเป็นผู้รู้อีกคนหนึ่งในเรื่องนี้ เช่นที่ทำในแบบฝึกหัดที่ 2 นอกจากนี้การโยงเรื่องราวที่ได้ยินมาเปรียบเทียบกับตนเองหรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใกล้ตัวนักศึกษา ยังเป็นขั้นตอนหลังการฟังที่ทำให้นักศึกษาได้ประโยชน์จากเรื่องที่ฟังมากขึ้น
Strategies for Coping with One’s Own Study
               ในการศึกษาด้วยตนเอง นักศึกษาส่วนหนึ่งจะประสบปัญหาในการเรียน จากการสำรวจนักศึกษาที่เรียนภาษาอังกฤษกับ มสธ. พบว่า ก่อนหรือในระยะแรกนักศึกษาจะมีแรงจูงใจสูง บางคนมีการวางแผนการเรียนไว้อย่างเป็นระบบ นักศึกษาส่วนใหญ่เห็นประโยชน์ในการเรียนภาษาอังกฤษ แต่เมื่อศึกษากับบทเรียนไปได้สักระยะหนึ่ง ส่วนหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติตามแผนการเรียนที่ตนได้กำหนดไว้ และไม่มีเวลาศึกษาเท่าที่ควร อันเนื่องมาจากภาระงานที่ทำงาน หรือปัญหาส่วนตัวที่บ้าน บางคนไม่มีกำลังใจในการศึกษา เนื่องจากรู้สึกว่าไม่มีอาจารย์มาคอยบังคับให้เรียน คอยตอบปัญหา หรือตรวจงานให้ บางคนก็พบว่าการเรียนคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนร่วมเรียนทำให้เรียนไม่สนุก หลายคนพบว่าตนเองผัดวันประกันพรุ่ง กล่าวคือ เมื่อถึงเวลาที่ตนกำหนดว่าจะเรียนก็ขอเลื่อนหรือผัดกับตัวเองไปก่อน ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีห้องเรียน ชั้นเรียน หรือตารางสอนมาบังคับเหมือนการเรียนในระบบปิด
               นอกจากปัญหาอันเนื่องมาจากการทำงาน ภาระทางบ้าน หรือการบังคับควบคุมใจตัวเองดังกล่าว ผู้ที่สามารถปลีกเวลาหรือบังคับตนเองให้ศึกษาบทเรียน อาจพบปัญหาอันเนื่องมาจากบทเรียนเอง บางคนพบว่าเนื้อหาบทเรียนไม่ตรงกับความต้องการ บทเรียนยากเกินไปทำให้เรียนไม่เข้าใจ บทเรียนง่ายเกินไปจนรู้สึกว่าเรียนแล้วเสียเวลา น่าเบื่อ ไม่ท้าทายความสามารถ บางคนก็พบว่าเนื้อหาบทเรียนมีมากเกินไปจนทำให้ต้องใช้เวลาในการศึกษามากเกินกว่าที่จะปลีกเวลาให้ได้
               นักศึกษาคนหนึ่งๆ อาจมีปัญหาหลายๆ ประการประกอบกัน และปัญหาต่างๆ อาจมีความสัมพันธ์กัน ทั้งนี้ลักษณะของปัญหาย่อมมีความแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของแต่ละคน และวิธีแก้ปัญหาย่อมต้องเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามนักศึกษาอาจใช้สถานการณ์ของแต่ละคน และวิธีแก้ปัญหาย่อมต้องเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามนักศึกษาอาจใช้สถานการณ์และวิธีแก้ปัญหาของผู้อื่นเป็นบทเรียน และนำไปประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ของตนได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนักศึกษาต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหา หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และแก้ปัญหาให้ถูกจุด ซึ่งหากนักศึกษาไม่ท้อถอย มองปัญหาว่าเป็นสิ่งท้าทายให้เผชิญหน้าและแก้ไข และสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยความพยายามมของตนเอง นักศึกษาจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
Asking for advice
               การขอคำแนะนำ (asking for advice) อาจใช้สำนวนดังนี้
-         ในกรณีที่ถามว่าควรจะทำอย่างไร What do you think I should do?, What do you think I can do?, What should I do?, What can I do?
-         ในกรณีที่ถามว่าควรจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งดีหรือไม่ Do you think I should ….?, Should I …..?, เช่น Do you think I should drop out?, Should I quit my job?
ทั้งนี้ผู้ขอคำแนะนำจะต้องเล่าปัญหาที่ตนมีให้ผู้ที่ตนจะขอคำแนะนำฟังด้วย
Giving advice
               การให้คำแนะนำ (giving advice) อาจใช้สำนวนดังนี้ I think you should …., I would ….., Why don’t you ….?, You should ….., Perhaps you should ….., Perhaps you had better ….. เช่น I think you should attend the tutorial., I would call the lecturer at STOU., Why don’t you adjust your study plan?, You should study English regularly., Perhaps you should listen to the tape twice., Perhaps you had better find a study buddy.
ตอนที่ 9.2 Job Search
               1. จดหมายสมัครงานโดยทั่วไปประกอบด้วย 2 ส่วน คือ จดหมายนำและประวัติย่อ
               2. จดหมายนำ ต้องระบุว่าได้พบโฆษณารับสมัครงานที่ใด เมื่อไร และสนใจจะสมัครในตำแหน่งใด พร้อมทั้งให้ข้อมูลคร่าวๆ ว่าเหตุใดจึงสนใจที่จะสมัครในตำแหน่งนี้ และตนมีคุณสมบัติใดที่ทำให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัคร
               3. การเขียนประวัติย่ออาจทำได้ 2 แบบ คือ แบบตามลำดับเวลาและแบบนำเสนอความสามารถ
คำอธิบาย
               ในปัจจุบันมีสื่อที่นักศึกษาสามารถจะหาตำแหน่งงานที่สนใจคือ หนังสือพิมพ์และอินเทอร์เน็ต
               1. หนังสือพิมพ์ บริษัทหรือหน่วยงานที่ต้องการรับพนักงานที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ นิยมโฆษณาตำแหน่งงานของตนในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย โฆษณาดังกล่าวจะถูกรวบรวมไว้บนหน้า Classified ในรูปของกรอบโฆษณา ในกรอบโฆษณามักจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
                        a) แจ้งความต้องการรับสมัครงาน
                              b) บริษัท / หน่วยงานที่รับสมัคร
                              c) ตำแหน่งที่รับสมัคร
                              d) คุณสมบัติผู้สมัคร
                              e) วิธีการสมัคร
                              f) สถานที่ติดต่อ
               ทั้งนี้ประกาศโฆษณารับสมัครงานแต่ละชิ้นอาจมีการเรียงลำดับของข้อมูลแตกต่างกันออกไป
               2. อินเทอร์เน็ต ปัจจุบันมี website สำหรับโฆษณารับสมัครงาน เช่น JobDB.com, Thaijob.com หรือใน search tool เช่น yahoo.com ก็จะมีตัวเลือกเกี่ยวกับการหางานทำ ได้แก่ search jobs หรือ find jobs ใน website เหล่านี้ นักศึกษาจะพบว่ามีบริษัทหรือหน่วยงานประกาศหาผู้ต้องการสมัครเป็นพนักงานของตน นอกจากนั้นยังมีโฆษณาหางานซึ่งผู้สมัครให้ข้อมูลไว้เพื่อให้บริษัทหรือหน่วยงานมาพิจารณาเลือกตนเข้าทำงาน
               วิธีหาตำแหน่งงานจาก website มีดังนี้ (บน website แต่ละแห่งจะมีขั้นตอนและรายละเอียดแตกต่างกันไป ในที่นี้จะแนะนำวิธีคร่าวๆ ในการหาตำแหน่งงาน ซึ่งนักศึกษาอาจนำไปประยุกต์ใช้ได้กับ website ต่างๆ)
               2.1 เมื่อเข้าไปใน website โฆษณารับสมัครงานแล้ว ให้เลือก job search หรือ Search jobs บนหน้าจอจะปรากฏสาขาของงาน หากไม่มีรายชื่อสาขาที่ต้องการให้เลือก จะมีกรอบ Keywords ซึ่งนักศึกษาจะต้องพิมพ์ตำแหน่งงานที่ตนจะสมัครลงไป เมื่อพิมพ์แล้วให้กดปุ่ม search
               บางครั้งนักศึกษาจะพบว่ามีทั้งรายชื่อสาขางานให้เลือก และมีกรอบให้พิมพ์ keywords ของชื่อตำแหน่งงานที่นักศึกษาสนใจจะสมัคร พร้อมทั้งรายละเอียดอื่นๆ เช่น จำนวนปีที่เป็นประสบการณ์การทำงาน (years of experience gained) วุฒิการศึกษา (qualifications) เงินเดือนที่ต้องการ (monthly salary) สถานที่ที่ทำงาน (job location) ลักษณะงาน (job nature) ระยะเวลาที่ตำแหน่งนี้โฆษณาอยู่ (job posted within) และจำนวนตำแหน่งงานที่ต้องการให้ปรากฏบนหน้าจอทีละหน้า ในกรณีนี้นักศึกษาจะต้องกดลูกศรเปิดให้เห็นตัวเลือกและเลือกข้อความที่ต้องการ (หาไม่ต้องการระบุรายละเอียดของข้อมูลเหล่านี้ ให้เลือก any) เมื่อเสร็จแล้วให้กด search
               2.2 บนหน้าจอจะปรากฏตำแหน่งงานที่นักศึกษาสนใจในรูปของตาราง โดยมีข้อมูลภายใต้แถว (column) ต่างๆ เช่น วันที่ลงโฆษณา (date) ตำแหน่ง (position) บริษัท (company) สถานที่ทำงาน (job location) วุฒิการศึกษา (qualification) ประสบการณ์ (years of experience / yrs exp) เงินเดือน (monthly salary)
กลยุทธ์ในการเรียนรู้
            Reading Strategies: Scanning for specific information
               ในการอ่านโฆษณารับสมัครงานจากหน้าหนังสือพิมพ์ นักศึกษาไม่ต้องอ่านอย่างละเอียดทุกบรรทัดและตัวอักษรในกรอบโฆษณาแต่ละกรอบ กลวิธีการอ่านที่เหมาะสมคือ การอ่านแบบสุ่มหาข้อมูลเฉพาะ (scanning for specific information) กล่าวคือ นักศึกษามีตำแหน่งงานที่ต้องการค้นหาเป็นคำสำคัญ (keyword) แล้วกวาดสายตาสุ่มหาชื่อตำแหน่งงานนี้จากกรอบโฆษณาแต่ละกรอบ ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ในส่วนหัวของกรอบ ดังที่นักศึกษาได้ทราบแล้วจาก Explanation เมื่อพบตำแหน่งงานที่สนใจแล้วจึงอ่านโดยละเอียดในกรอบนั้นเพื่อตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ เช่น วุฒิการศึกษา จำนวนปีประสบการณ์ความสามารถเฉพาะ เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับคุณสมบัติของนักศึกษาหรือไม่ และวิธีสมัครจะต้องทำอย่างไร
               วิธีการอ่านวิธีนี้นักศึกษาสามารถนำไปใช้ในการอ่านเพื่อค้นหาข้อมูลเฉพาะในสถานการณ์อื่นๆ ได้ เช่น การค้นหาข้อมูลจากรายการโฆษณาสินค้าหรือตารางเวลาการเดินทาง เป็นต้น
Writing: A letter of application
               จดหมายสมัครงานโดยทั่วไปประกอบด้วยส่วนประกกอบ 2 ส่วน คือ จดหมายนำ (covering / cover letter) และประวัติย่อ (resume / CV)
               1. จดหมายนำ คือส่วนที่ผู้สมัครสื่อสารกับผู้รับสมึครว่าได้พบโฆษณาสมัครงานที่ใด เมื่อไร และสนใจจะสมัครในตำแหน่งใด พร้อมทั้งให้ข้อมูลคร่าวๆ ว่าเหตุใดจึงสนใจที่จะสมัครตำแหน่งนี้ และตนมีประสบการณ์และคุณสมบัติอย่างไรที่เหมาะสมกับตำแหน่ง โดยใส่ข้อมูลต่างๆ ไว้ในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้

……(a)…………
………………..

……(b)………

…..(c)…………
………………..

(d) Dear Sir,
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………..(e – 1)……………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………(e – 2)………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………(e -3)………………………………………………
I look forward to hearing from you.
……………(f)…………………
Samarn Banbang                (g)
………….(h)…………………




















































































































(a) เขียนที่อยู่ของผู้สมัครไว้ที่มุมซ้าย
(b) เขียนวันที่ไว้ด้านซ้าย ใต้ที่อยู่ของผู้ส่ง
(c) เขียนชื่อ ตำแหน่งของผู้รับ บริษัท และที่อยู่ผู้รับไว้ด้านซ้ายใต้บรรทัดวันที่ โดยเขียนชื่อ / นามสกุลไว้ที่บรรทัดบนสุด ถ้าทราบชื่อผู้รับให้เขียนคำนำหน้า Mr สำหรับผู้รับที่เป็นชาย และ Ms สำหรับผู้รับที่เป็นหญิง หากไม่ทราบชื่อผู้รับให้เขียนถึงผู้จัดการฝ่ายบุคคล (The Personnel Manager)
(d) ถ้าทราบชื่อหรือนามสกุลผู้รับให้ใส่ Dear ต่อด้วยนามสกุลผู้รับ เช่น Dear Mr Jones แต่ถ้าไม่ทราบชื่อผู้รับ ให้เขียน Dear sir of Madam
(e) ส่วนนี้เป็นส่วนของตัวจดหมาย ควรแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ย่อหน้า
               ย่อหน้าที่ 1: ระบุวันเดือนปี และสถานที่ที่พบโฆษณารับสมัครงานนี้ และระบุว่าสนใจสมัครงานในตำแหน่งใด
               ย่อหน้าที่ 2: ให้ข้อมูลสั้นๆ เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ได้แก่ วุฒิการศึกษา คุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับงาน และประสบการณ์ในการทำงาน
               ย่อหน้าที่ 3: ชี้แจงว่าเหตุใดจึงสนใจที่จะสมัครงานในตำแหน่งนี้ และทำไมจึงคิดว่าเหมาะสมกับงานในตำแหน่งนี้
               ต่อจากนั้นให้ขึ้นบรรทัดใหม่และแสดงความหวังว่าจะได้รับคำตอบจากบริษัทที่สมัครงาน (I look forward to hearing from you.)
               แบบจดหมายที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ให้เขียนชิดด้านซ้าย โดยไม่ต้องย่อหน้า และให้เว้นระยะบรรทัดระหว่างย่อหน้าให้เห็นชัดเจนว่าเป็นคนละย่อหน้ากันดังตัวอย่างข้างต้น ทั้งนี้นักศึกษาอาจใช้วิธีย่อหน้าก็ได้ แต่ต้องเลือกจัดรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวให้สม่ำเสมอกัน
(f) เขียน Yours sincerely ถ้าระบุชื่อสกุลผู้รับไว้ข้างต้น (ในส่วน (c)) หรือเขียน Yours faithfully ถ้าไม่ได้ระบุชื่อสกุลผู้รับ
(g) ลงลายมือชื่อ
(h) เขียนชื่อเต็มของผู้สมัครไว้ใต้ลายมือชื่อ และเขียนคำนำหน้าชื่อไว้ในวงเล็บ เช่น (Mr) ถ้าเป็นชาย, (Mrs) ถ้าเป็นหญิงที่สมรสแล้ว, (Miss) ถ้าเป็นหญิงโสด หรือ (Ms) ถ้าเป็นหญิงที่ไม่ต้องการระบุว่าสมรสแล้วหรือไม่
               2. ประวัติย่อ มีจุดประสงค์เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้สมัครในรูปแบบที่อ่านง่าย  (easy to follow) กะทัดรัด (concise) ชัดเจน (precise) โดยการเสนอข้อมูลอย่างมีระบบ (consistent and systematic) ในการเขียนประวัติย่อจะต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญ 3 ประการ คือ รูปแบบ (format) เนื้อหา (content) และวิธีการนำเสนแ (presentation)
               a. รูปแบบของประวัติย่อมี 2 แบบ คือ แบบตามลำดับเวลา (a chronological CV) และ แบบนำเสนอความสามารถ (a functional / skilled – based CV) การจะเลือกรูปแบบใดขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่สมัครและจุดเด่นของตัวผู้สมัครเอง หรือนักศึกษาอาจผสมผสานทั้งสองแบบเข้าด้วยกันหากคิดว่าจะได้ผลมากกว่า
               - แบบตามลำดับเวลา เป็นแบบที่ได้รับความนิยมมาก และนายจ้างส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการอ่านประวัติย่อในรูปแบบนี้ ประวัติย่อรูปแบบนี้จะเสนอประวัติการทำงานและการศึกษาตามลำดับเวลาจากปัจจัยย้อนไปถึงอดีต ทำให้นายจ้างสามารถเห็นภาพของพัฒนาการของผู้สมัคร แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีช่วงหยุดการทำงานนานๆ เช่น การตกงาน หรือมีประวัติการทำงานกระท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่องกัน
               - แบบนำเสนอความสามารถ เป็นแบบที่เน้นการนำเสนอทักษะและความถนัดของผู้สมัคร โดยนำเสนอภายใต้หัวข้อที่แสดงสายงานที่ทำอยู่ และ/หรือที่เคยทำนา ประวัติย่อรูปแบบนี้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครอธิบายความสามารถของตนมากกว่าประวัติงานที่เคยทำ เป็นแบบที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน หรือทำงานมากมายหลายอย่างแต่ไม่ค่อยอยู่ในสายงานเดียวกัน
               โดยปกติอาจใส่ประวัติการทำงาน ได้แก่ เดือน ปี ชื่อตำแหน่งและบริษัทไว้ด้วย แต่หากเห็นว่าจะทำให้หมดโอกาสได้รับการสัมภาษณ์ก็ไม่ควรรวมไว้
               ตัวอย่างของหัวข้อของสายงานที่ทำมีดังนี้ Administration, Advertising, Communications, Construction, Consulting, Counselling, Designing, Editing, Education, Electronics, Engineering, Human Resources, Insurance, Journalism, Law, Management, Marketing, Medicine, Music, Nutrition, Organization, Planning, Production, Promotion, Public Relations, Publishing, Research, Sales, Secretarial, Strategic Planning, Training, Transport, Travel, Writing
               b. เนื้อหาที่จะนำเสนอในประวัติย่อเป็นสิ่งที่ผู้สมัครต้องการแจ้งให้นายจ้างทราบถึงความเหมาะสมของตนที่จะทำงานในตำแหน่งที่สมัคร ทั้งนี้ควรเลือกนำเสนอแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในตำแหน่งนั้นๆ (relevance) เนื้อหาไม่ควรจะเกินกว่า 2 หน้ากระดาษ สิ่งสำคัญที่จะต้องใส่ไว้ในประวัติย่อ ได้แก่
- ชื่อ (name) และรายละเอียดสถานที่ติดต่อ (full contact details) ได้แก่ บ้านเลขที่ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร email address
- ประวัติย่อนี้ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใด (objective)
- จุดประสงค์ในการทำงานหรือขอบข่ายงานที่ทำสั้นๆ (a short career objective or career profile)
- การศึกษาและคุณวุฒิ (education and qualifications)
- ประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้อง (relevant work experience)
- ความสนใจ (interest) กิจกรรม (activities) และ ความสำเร็จ (achievements) ซึ่งแสดงทักษะหรือความสามารถที่จำเป็นสำหรับการทำงานในตำแหน่งที่สมัคร
- รายละเอียดของผู้รับรอง ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ ตำแหน่ง บริษัท หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร email address หรืออาจเขียนว่า ‘References on request’ หากผู้จ้างไม่ได้ระบุให้แจ้งชื่อผู้รับรองแต่ผู้สมัครสามารถระบุผู้รับรองได้ ถ้าผู้จ้างต้องการ
ส่วนข้อมูลต่อไปนี้จะใส่ในประวัติย่อเมื่อนายจ้างระบุให้ใส่เท่านั้น สถานภาพสมรส (marital status) จำนวนบุตร (number of children) ภาพถ่าย (photograph) รายละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพ (health details) สัญชาติ (nationality)
c. วิธีการนำเสนอหรือภาพโดยรวมของการนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ให้ประวัติย่อเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะสามารถสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็น (first impression) ให้แก่นายจ้าง หลักก็คือต้องสะอาด เรียบร้อย และชัดเจน (clean, crisp and clear) โดยอาจทำได้ดังนี้
- พิมพ์ด้วยพิมพ์ดีดหรือคอมพิวเตอร์โดยใช้อักษรสีดำบนกระดาษสีขาว
- พิมพ์หน้าเดียว
- ทำให้เรียบง่ายโดยใช้ตัวอักษร (font) ชนิดเดียวกัน
- ทำให้อ่านง่าย โดยการใช้หัวข้อ ตัวอักษร และการเน้นคำ เช่น การขีดเส้นใต้ ตัวเอน หรือตัวเข้ม อย่างมีระบบ
- จัดหมวดหมู่เนื้อหาในหัวข้อต่างๆ และใช้การเว้นระยะบรรทัดที่เหมาะสม เพื่อทำให้เห็นที่ว่างสีขาวบนกระดาษเป็นระยะๆ จะได้ไม่แลดดูหนาแน่นหรือรกไปด้วยตัวอักษร
จะเห็นได้ว่าประวัติย่อแบบนำเสนอความสามารถนั้นจะเน้นข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์หรือความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมาโดยไม่คำนึงถึงช่วงเวลา ทั้งนี้นักศึกษาอาจผสมผสานลักษณะของประวัติย่อแบบตามลำดับเวลาเข้าไปด้วย โดยแยกเป็นงานที่ทำในอดีต ใช้คำกริยารูป past simple tense และงานที่ทำในปัจจุบันใช้รูป present simple tense
ในการเขียนประวัติย่อแบบนำเสนอความสามารถ คำกริยาที่แสดงประสบการณ์การทำงานหรือความสำเร็จเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยมีผู้รวบรวมคำกริยาเหล่านี้โดยจัดแบ่งเป็นสองประเภท* ดังนี้
a. คำที่แสดงพลัง (power words) ซึ่งแสดงถึงทักษะที่สามารถถ่ายโยงไปใช้ได้ในงานหลายประเภท และการทำงานร่วมกับบุคคลอื่นๆ (transferable and interpersonal skills) เช่น Developed a new technique for booking, Established an agreement between the administrative staff and employees, Initiated a new idea for weekly meetings, Introduced the company’s product line in the north, Managed a team of six and supervised the launch of a new sales initiative
b. คำที่แสดงการกระทำ (action words) ซึ่งแสดงถึงหน้าที่หรืองานสำคัญที่ทำอยู่ หรือที่ได้ทำไป โดยควรเขียนสั้นๆ ไม่ต้องอธิบายรายละเอียด Achieved consistently high results, Analyzed the company’s statistical data, Completed all assignments on time and within budget, Contributed to the successful completion of all assignments on time and within budget, Implemented new sales techniques, Instituted rigorous testing system that identified / repaired over 300 system deficits, Prepared a regional branch for entry into the country’s market, Reduced customer’s complaints by 20% within one year
นอกจากการสมัครงานทางไปรษณีย์แล้ว นักศึกษายังอาจใช้วิธีการสมัครทางอินเทอร์เน็ต บน website เกี่ยวกับการรับสมัครงานและหางาน จะมีตัวเลือกให้ผู้สมัครเปิดไปหน้าประกาศหางาน โดยผู้สมัครสามารถประกาศโฆษณาตนเอง โดยระบุรายละเอียดต่างๆ ไว้ให้บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เลือกตามคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ การลงประกาศหางานนี้ ผู้สมัครอาจต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือสมัครเป็นสมาชิก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของ website แต่ละแห่ง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างแบบที่นักศึกษาอาจพบบน website ดังกล่าว แม้รูปแบบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง แต่ข้อมูลที่ต้องการจะคล้ายคลึงกัน
ตอนที่ 9.3 Job Interview
1. คำถามที่มักพบในการสัมภาษณ์งานแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ คำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว คำถามเกี่ยวกับการศึกษา คำถามเกี่ยวกับงาน
2. การเตรียมตัวสัมภาษณ์งานทำได้โดยฝึกฟังและหัดตอบคำถามที่คาดว่าผู้สัมภาษณ์จะถามโดยพยายามหาข้อมูลของหน่วยงานหรือบริษัทที่จะสมัครงานมาประกอบการเตรียมตัว        
คำอธิบาย
               จากการสัมภาษณ์งานของสมานที่ได้ฟังใน Presentation พอสรุปได้ว่า
               Part A เป็นตอนเริ่มต้นการสัมภาษณ์ ผู้จัดการให้สมานแนะนำตนเองและทักทายกันตามมารยาท เมื่อผู้จัดการถามสมานว่าเดินทางมาอย่างไร สมานได้โอกาสให้ข้อมูลเป็นนัยว่ามีพาหนะเป็นของตนเองและตนเองจะไม่มีปัญหาในการเดินทางมาทำงานหรือกลับบ้านเวลาดึก ซึ่งเป็นลักษณะของงานบริการในที่ทำงานนี้ ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคที่ผู้จัดการเริ่มเข้าเรื่องการสัมภาษณ์โดยให้สมานเล่าประวัติตนเอง
               Part B เป็นตอนสัมภาษณ์ถึงความสามารถทางด้านภาษาของสมาน ซึ่งสมานกล่าวว่าสามารถพูดและเขียนภาษาจีนได้คล่องแคล่ว ส่วนภาษาอังกฤษนั้นสามารถพูดคุยในงานที่เกี่ยวกับการบริการที่บาร์และพูดคุยเป็นกันเองกับลูกค้าได้ แต่เขียนไม่ค่อยดี ซึ่งผู้จัดการก็กล่าวว่าลูกค้าส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษ แต่ในงานนี้สมานไม่ต้องเขียนภาษาอังกฤษเลย ในตอนสุดท้ายผู้จัดการถามว่าสมานมีอะไรที่จะถามเกี่ยวกับงานนี้หรือไม่
               Part C เป็นตอนสุดท้ายของการสัมภาษณ์ซึ่งผู้จัดการนัดให้สมานมาทดลองทำงานกับลูกค้าจริงๆ ตอนค่ำวันต่อมา เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินว่าสมานเหมาะสมกับงานนี้หรือไม่
Communication Strategies: How to win at a job interview
               การสัมภาษณ์งานเปรียบเสมือนการเสนอขายสินค้าของผู้สมัครงานซึ่งเป็นผู้รับการสัมภาษณ์และการดูตัวสินค้า และสอบถามถึงรายละเอียดสินค้าเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อสำหรับนายจ้างซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์ สินค้านั้นก็คือตัวผู้สมัครงานนั่นเอง ผู้สมัครจึงควรสร้างความประทับใจให้แก่นายจ้างด้วยการแต่งกายและการวางตนอย่างเหมาะสม สุภาพ เรียบร้อย นอกจากนี้ผู้สมัครยังอาจใช้การสัมภาษณ์เพื่อตัดสินใจว่าสถานที่ทำงานนั้นๆ เหมาะสมกับตนหรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นการสนทนาระหว่างผู้สมัครและนายจ้างเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ผู้สมัครจึงควรตอบคำถามและถามคำถามเมื่อมีโอกาสและไม่ควรตอบคำถามในลักษณะถามคำตอบคำ ควรให้รายละเอียดที่แสดงว่าตนเองมีคุณสมบัติที่นายจ้างต้องการ เช่น การสัมภาษณ์งานของสมานใน Presentation จะเห็นว่าสมานไม่ได้ตอบคำถามเพียง ใช่ หรือ ไม่ใช่ แต่จะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วยโดยไม่พูดนานเกินไป แต่จะทิ้งช่วงให้ผู้สัมภาษณ์ได้ถามคำถามที่ต้องการ ทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น
Listening and Speaking: Frequently asked questions at a job interview
               นักศึกษาคงมีประสบการณ์การสัมภาษณ์งานมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะการสัมภาษณ์ที่ใช้ภาษาไทยในการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ นักศึกษาอาจเตรียมตัวตอบคำถามต่างๆ เช่นเดียวกับการสัมภาษณ์ภาษาไทย เพียงแต่จะต้องหัดตั้งและตอบคำถามเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษ คำถามที่ผู้สัมภาษณ์จะถามในการสัมภาษณ์อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของงาน นอกจากนี้ความยากง่ายของคำถามและบรรยากาศในการสัมภาษณ์ในแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกัน นายจ้างบางคนใช้การสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาบุคลิกลักษณะ ไหวพริบปฏิภาณ หรือทัศนคติของผู้สมัคร ในขณะที่บางคนจะเน้นในการทดสอบความรู้ความสามารถของผู้สมัคร รวมทั้งสอบถามรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญต่อการทำงานในตำแหน่งนั้นๆ การเตรียมตัวตั้งและตอบคำถามต่างๆ จะทำให้นักศึกษามีความมั่นใจและตอบคำถามได้คล่องแคล่วมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้บรรยากาศในการสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพของนักศึกษาในด้านความมั่นใจในตัวเอง การมีระบบความคิดที่ดี ความสามารถในการตัดสินใจและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการเตรียมตัวที่ดีซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการทำงาน อันเป็นลักษณะของบุคคลที่นายจ้างส่วนใหญ่ต้องการ
               การคาดเดาคำถามที่ผู้สัมภาษณ์จะถามในการสัมภาษณ์งานเป็นเรื่องยาก เพราะการสัมภาษณ์งานแต่ละแห่งย่อมแตกต่างกันไป ในที่นี้จะรวบรวมคำถามทั่วๆ ไปที่นักศึกษาอาจถูกถามในการสัมภาษณ์งานโดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อใหญ่ๆ ตามลักษณะของข้อมูลที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการทราบ ได้แก่ ข้อมูลส่วนตัว (personal information), ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา (education) และข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน (work) นอกจากนี้ ผู้สัมภาษณ์อาจถามคำถามเกี่ยวกับความคิดเห็น ทัศนคติ และบุคลิกภาพ ทั้งนี้ผู้สมัครคววรเตรียมประวัติย่อของตนไปในการสัมภาษณ์งานด้วย
               ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคำถามที่ผู้สัมภาษณ์อาจใช้ถามข้อมูลประเภทต่างๆ

เป็นคำถามเกี่ยวกับ
ตัวอย่างคำตอบ
I. Personal Information
ข้อมูลส่วนตัว

What is your surname / family name?
นามสกุล
My surname is ….
When and where were you born?
บ้านเกิด และวันเกิด
I was born in (จังหวัด) on (วันเกิด).
What is your nationality?
สัญชาติ
I am Thai.
How old are you?
อายุ
I am (อายุ) years old.
Would you mind telling me how old you are?

Not at all. I am …. years old.
Do you like to spend your free time during the weekend at home?
การใช้เวลาว่างในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่บ้าน
Yes, I do. (ถ้าชอบอยู่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์
No, I don’t (ถ้าไม่ชอบ)
What are your hobbies?
งานอดิเรก
Swimming. (ว่ายน้ำ)
Playing sports. (เล่นกีฬา)
Reading novels. (อ่านนวนิยาย)
Watching TV. (ดูโทรทัศน์)
Going shopping. (ไปจ่ายของ)
Gardening. (ทำสวน)
Are you married?
สภาพสมรส
Yes, I am. (แต่งงานแล้ว)
No, I’m single. (โสด)
(No,) I’m divorced. (หย่าร้าง)
II. Education
การศึกษา
ตัวอย่างคำตอบ
You’ve just left school, haven’t you?
การจบการศึกษาว่าเพิ่งจะจบมาใช่หรือไม่
Yes. / No. I graduated in (ปีที่จบ).
Could you tell me what college / university you went to?
สถานบันการศึกษา
I went to / studied at (ชื่อสถาบันการศึกษา).
What course did you major in?
วิชาเอกที่เรียนมา
I majored in (ชื่อวิชาเอก).
II. Work
การงาน
ตัวอย่างคำตอบ
What is your working experience?
ประสบการณ์การทำงาน
I have been working as a/an (อาชีพ) for (จำนวนปีที่ทำงาน) years.
Do you think you can do the work?
ความมั่นใจว่าจะทำงานได้
Yes, I am confident I can do this work/job.
When could you start working if appointed?
When would you be able to start?
เวลาที่จะเริ่มงานได้
Right away. (ถ้าเริ่มทำงานได้ทันที)
Within (จำนวนเวลา) days/weeks/months.
By (วันหรือเดือนที่เริ่มทำงานได้)
Are you interested in research?
ความสนใจในการทำงานวิจัย
Yes, I like to do research.
Can you use a computer?
ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์
Yes, I can.
Yes, I can use (ชื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์).
Can you get recommendations from your previous employer?
ความสามารถในการหาคำรับรองจากนายจ้างเดิม
Yes, I can.
               นอกจากนี้ยังมีคำถามเกี่ยวกับการทำงาน และคำถามเกี่ยวกับความคิดเห็นและบุคลิกภาพที่ผู้สัมภาษณ์มักถามผู้สมัคร ซึ่งบางคำถามอาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลทั้งสองประเภท เนื่องจากเป็นการถามถึงทัศนคติหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการทำงาน ไม่ใช่ข้อมูลหรือประสบการณ์การทำงาน ในที่นี้ไม่สามารถให้ตัวอย่างคำตอบได้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัครเอง หรือเป็นข้อมูลเฉพาะของหน่วยงานหรือบริษัทที่รับสมัครงาน อย่างไรก็ตามถ้าผู้สมัครเตรียมคิดคำตอบไปก่อนการสัมภาษณ์จะทำให้มีความมั่นใจและตอบได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น
Work-related Questions
คำถามเกี่ยวกับ
What are your reasons for applying for this vacancy?*
Why are you interested in this job?*
เหตุผลในการสมัครงาน
What are your own special abilities?
ความสามารถพิเศษ
What is your aim in life?*
เป้าหมายในชีวิต
What are your future vocational plans?*
แผนการในการประกอบอาชีพ
Why do you think you would like this particular type of job?*
เหตุผลในการทำงานในอาชีพที่สมัคร
What do you know about our company?
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่สมัครเข้าทำงาน
Why do you think you might like to work for our company?*
เหตุผลที่คิดว่าตนจะชอบทำงานในบริษัทที่สมัคร

Questions on Opinions and Personality
คำถามเกี่ยวกับ
Describe what you feel to be an ideal working environment.*
ความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการทำงานในอุดมคติ
What do you think of your current boss?*
ความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบัน
What are your interests?
ความสนใจ
How would you describe your own personality?
บุคลิกภาพ
What are your strong points?
จุดแข็ง ข้อดี
What are your weak points?
จุดอ่อน ข้อด้อย
หมายเหตุ คำถามที่มีเครื่องหมายดอกจันเกี่ยวข้องทั้งด้านการทำงานและทัศนคติหรือความคิดเห็น











หน่วยที่ 10 Meeting the Challenge
               1. การใช้ภาษาต่างประเทศที่เรียนในระดับที่สื่อสารได้ในสถานการณ์จริงถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ผู้เรียนจะต้องเผชิญ
               2. การเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อที่จะใช้ภาษานั้นในระดับที่สื่อสารได้ ต้องอาศัยการฝึกฝนและทบทวนสำนวนภาษาที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ตามหน้าที่ทางภาษา และฝึกทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างสม่ำเสมอ
               3. การเรียนไวยากรณ์เพื่อใช้ในการสื่อสารควรฝึกฝนการใช้ไวยากรณ์ประเด็นต่างๆ ในสถานการณ์ที่มีความหมาย โดยต้องระลึกเสมอว่าไวยากรณ์ประเด็นนั้นๆ ใช้ในการสื่อสารในสถานการณ์ใด
               4. การเรียนรู้คำศัพท์ในภาษาต่างประเทศที่เรียน จะต้องรู้ความหมายของคำศัพท์นั้นๆ และรู้บริบทที่เหมาะสมกับการใช้คำศัพท์นั้นๆ ทั้งนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
ตอนที่ 10.1 Language Functions/Skills for Communication
               1. การใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทางโทรศัพท์ มีสำนวนเฉพาะในการขอพูดกับบุคคลที่ต้องการ การรับโทรศัพท์ การฝากข้อความ และการรับฝากข้อความ
               2. การสื่อสารทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ต้องรู้รูปแบบ ส่วนประกอบ อักษรย่อ และวิธีการเขียนเพื่อสื่อความหมาย
               3. การสนทนามีสำนวนภาษาเฉพาะที่ใช้ในการเริ่มต้นการสนทนา การดำเนินการสนทนาการเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา และการยุติการสนทนา
               4. การถามและการอธิบายลักษณะนิสัยและลักษณะภายนอกของบุคคล มีสำนวนภาษาโดยเฉพาะ
               5. การถามและการบอกทิศทางและตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ มีสำนวนภาษาโดยเฉพาะ
               6. การขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง ประกอบด้วยการถามและการบอกเวลาออกเดินทางและสิ่งที่หมาย ระยะเวลา ระยะทาง และราคา
               7. การรับรู้ข่าวสารอาจทำได้โดยใช้สื่อทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ และอินเทอร์เน็ต
               8. การขอและให้คำแนะนำมีสำนวนภาษาโดยเฉพาะ
               9. การสมัครงาน เกี่ยวข้องกับการหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมทางหนังสือพิมพ์หรืออินเทอร์เน็ต การเขียนจดหมายสมัครงาน และการสัมภาษณ์งาน
A Summary of Language Functions/Skills in Units 6-9
               ต่อไปนี้เป็นประเด็นภาษาตามหน้าที่ทางภาษาและทักษะต่างๆ ที่นักศึกษาได้ศึกษาไปในหน่วยที่ 6-9 ให้นักศึกษาตรวจสอบตนเองว่าเข้าใจสิ่งที่เรียนไปแล้วเพียงใด โดยระบุความหมายภาษาไทยของหน้าที่และทักษะทางภาษาแต่ละประเด็น และเขียนตัวอย่างสำนวนภาษาที่ใช้ตามหน้าที่แต่ละหัวข้อ หากนักศึกษาจำไม่ได้ให้กลับไปทบทวนตามหน่วยต่างๆ ที่ได้ระบุไว้
Unit 6
Language Functions
ความหมายภาษาไทย
ตัวอย่างสำนวนภาษา
using the telephone
การใช้โทรศัพท์

taking telephone messages

Would you like to leave a message?
starting a conversation


keeping the conversation going


changing the conversation topic
การเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา


Language Skills
ความหมายภาษาไทย
listening to telephone numbers, dates and time

reading email messages

writing short email messages


Unit 7
Language Functions
ความหมายภาษาไทย
ตัวอย่างสำนวนภาษา
describing people

She is in her late 20s.
making a formal introduction


asking for directions

Is there a post office nearby?
giving direction


describing locations
การอธิบายตำแหน่งที่ตั้ง

asking for information on a trip

How long does it take to get there?

Language Skills
ความหมายภาษาไทย
rising and falling tones


Unit 8
Language Functions
ความหมายภาษาไทย
ตัวอย่างสำนวนภาษา
describing graphs

The company’s sales figures have risen steadily since last November.

Language Skills
ความหมายภาษาไทย
listening to radio news

reading newspapers

reading on-line news


Unit 9
Language Functions
ความหมายภาษาไทย
ตัวอย่างสำนวนภาษา
asking for advice

I don’t have time to study. What do you think I should do?
giving advice
การให้คำแนะนำ


Language Skills
ความหมายภาษาไทย
scanning for a position in job advertisements

writing an application letter

answering questions asked at a job interview

ตอนที่ 10.2 Grammar for Communication
               1. ในการกล่าวถึงช่วงเวลาของวัน เวลา วัน วันที่ เดือน ปี ต้องใช้ preposition of time ที่ถูกต้อง
               2. ในการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จบสิ้นไปแล้วในอดีต ใช้ past simple tense และการเล่าเรื่องถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต ใช้ past continuous tense
               3. การบรรยายลักษณะของบุคคลใช้ BE + ADJ, have + N, BE + in/like, look + like
               4. การถามทิศทางอาจใช้ direct หรือ indirect questions
               5.  การถามข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางใช้ yes-no questions และ wh-questions
               6. การระบุจุดประสงค์อาจใช้ infinitive phrase ได้แก่ to + v.
               7. ในการกล่าวถึงความสม่ำเสมอของการกระทำในปัจจุบัน ใช้ present simple tense
               8. ในการกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตใช้ future simple tense
               9. การรายงานข่าวอาจใช้ passive voice
A Summary of Grammar Points in Units 6-8
               ต่อไปนี้เป็นประเด็นไวยากรณ์ที่นักศึกษาได้ศึกษาไปในหน่วยที่ 6-8 นักศึกษาลองตรวจสอบว่าเข้าใจแต่ละประเด็นหรือไม่ ว่ามีวิธีใช้อย่างไร และใช้ในการสื่อสารในสถานการณ์ หรือบริบทใด โดยอ่านประโยคตัวอย่างที่ให้ไว้ หากไม่เข้าใจประเด็นใด ให้นักศึกษากลับไปทบทวนในหน่วยที่ 6-8 ที่เรียนผ่านมา (หน่วยที่ 9 ไม่เน้นประเด็นไวยากรณ์) นักศึกษาจะพบคำอธิบายและตัวอย่างโดยละเอียดของแต่ละประเด็นในตอนต่างๆ ตามหมายเลขที่ให้ไว้ในตาราง
Grammar Points
Sections
Examples
preposition of time
6.2
A lunch meeting will be held on August 19, at 12.30 p.m.
past continuous tense
6.3
I was walking back to the hotel when I saw a man.
BE (quite/really/very) + ADJ
7.1
She is tall and beautiful. (อธิบายรูปลักษณ์ภายนอก)
He is quite straightforward. (อธิบายบุคลิกภาพ)
have (got) + ADJ + N
He has got dark eyes.
BE + in + ช่วงอายุ
He is in his early twenties.
BE + in + เครื่องแต่งกาย
He is in blue trousers.
BE + with + N
She is the one with short hair and glasses.
Be + like + N
He is like his father. (อธิบายบุคลิกภาพ)
look + like + N
He looks like his mother. (อธิบายรูปลักษณ์)
direct questions
7.2
How can I get to the post office?
indirect questions
Could you tell me how I can get to the post office?
yes-no questions
Does it take a long time to get there?
Is it far from here?
It takes ….
7.3
It takes only ten minutes to get there.
It’s ….
It’s a five – minute walk to the station.
It costs …
It costs 220 baht.
infinitive phrase
8.1
They’ve taken the opportunity to respond to accusations.
present simple tense
8.2
We guarantee jobs for the participants.
past simple tense
Job brokers collected more than 10,000 baht from each worker.
past continuous tense
Mr. Dej was speaking after meeting Jaturong.
future simple tense
We will pay them 1,000 baht.
passive voice
8.3
The World’s economic growth is reported by OECD.
ตอนที่ 10.3 Vocabulary for Communication
               1. คำศัพท์เป็นส่วนประกอบสำคัญของภาษา การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศใดใดจึงหมายถึงการเรียนรู้คำศัพท์ในภาษานั้น
               2. การเรียนรู้คำศัพท์ต้องทำทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
               3. การเรียนรู้คำศัพท์เชิงปริมาณ คือการเพิ่มพูนและสะสมจำนวนคำศัพท์ในภาษาที่เรียน
               4. การเรียนรู้คำศัพท์เชิงคุณภาพ คือการใช้คำศัพท์ได้ในสถานการณ์และบริบทต่างๆ โดยเฉพาะคำที่มีประโยชน์ในชีวิตของผู้เรียนเอง
               5. การเรียนรู้คำศัพท์ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพสามมรถทำได้ โดยผู้เรียนต้องหาโอกาสให้ตนเองได้พบและใช้ภาษาทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน อย่างสม่ำเสมอ
A Summary of Vocabulary in Units 6-9
               ต่อไปนี้เป็นคำศัพท์สำคัญๆ ที่นักศึกษาได้ศึกษาไปในหน่วยที่ 6-9 นักศึกษาลองตรวจสอบตนเองว่าเข้าใจความหมายของคำศัพท์แต่ละคำหรือไม่ (คำศัพท์บางคำอยู่ในวลีที่มีส่วนในการสื่อความหมายของคำศัพท์นั้นๆ) โดยอ่านประโยคตัวอย่างที่ให้ไว้และเขียนคำแปลของคำศัพท์แต่ละคำลงในตาราง หากไม่เข้าใจความหมายของคำใด ให้นักศึกษากลับไปทบทวนในหน่วยที่ 6-9 ที่เรียนผ่านมา นักศึกษาจะพบคำอธิบายความหมายและบริบทที่คำศัพท์แต่ละคำปรากฏอยู่ใน Presentation และ/หรือ Explanation ในตอนต่างๆ ตามหมายเลขตอนที่ให้ไว้ในตาราง
               นักศึกษาคิดว่าคำศัพท์แต่ละคำในตารางข้างต้นมีประโยชน์ในการศึกษา การงาน หรือการสื่อสารในชีวิตประจำวันของนักศึกษาหรือไม่ ให้ขีด ü ในช่องสุดท้ายของตาราง ถ้าคิดว่าคำศัพท์นั้นมีประโยชน์ และขีด û ถ้าคำศัพท์นั้นไม่มีประโยชน์
Sections
Vocabulary/Phrases
Examples
Meaning
Useful?
6.1
make a reservation
I already made a reservation at the Thai restaurant.
จอง(โต๊ะ)

college
John Smith is calling Susan Day, Arin’s colleague.


jot …. down
Hold on ….. Let me jot it down in my diary.
จดบันทึก

extension number
It’s 0-2394-5565 extension number 2334.


6.2
availability
Please let Khun Suriya know of your availability.


accept
He has accepted our invitation.*


arrange
Please arrange transportation for Mr. Tim.*


attend
We will attend the meeting tomorrow.*


change
Arin changed her mind on coming with us.*


confirm
You do not need to confirm your flight this time.*


give
My mother loves giving advice to her kids.*


hold
Please hold the line for a moment.*


make
Can you make a decision on where to go?*


meet
We have to meet the deadline.*


send
I’ll send an email to you.*


asap
He asked you to call back asap.



attachment
I’ll send the article to you as an attachment.


(email) recipient
Nipa was one of the recipients of his email.


return (email)
Please let me know by return email if  anybody is traveling from Bangkok to New York.


look forward to
I look forward to hearing from you soon.


6.3
leave (a job)
Joy is leaving her job at the end of this month.


give in one’s notice
She gave in her notice yesterday.


BE posted …
Joy’s boyfriend will be posted in New York.


all by oneself
What are you doing here all by yourself, little boy?


run into someone
I ran into Sri the other day.


office gossip
Rug was the office gossip.


replace someone
We hired Arin to replace Siri.


BE made redundant
The poor lady was made redundant at her workplace.


7.1
slim
He’s tall and slim.


investment project
His visit this time is for an investment project.


couple
Do you see the tall couple on the right?


wavy hair
The lady with wavy hair in the light brown dress is his wife.


BE delighted
I’m delighted to meet you.


7.2
corridor
Walk along the corridor on your right.


a stationery shop
Is there a stationery shop in there?


a hairdresser’s
I suppose there’s a hairdresser’s in here.


the craft shop
It’s opposite the craft shop.


refreshment
Mr. Adamson thinks he can get some refreshment at the coffee shop.


reception
Walk to the reception.


arrange for
Brian has arranged for transport.


front entrance
Could you meet me at the front entrance at 2 p.m.?


the Ladies’
Kanittha has to go to the Ladies’.


recommend
I’d like to recommend Monsawan Restaurant.


ground level
Brian and Mr. Adamson are still on the ground level of Laddaphan Craft Center.


passer-by
He asks a passer-by for directions.



roundabout
I think it’s near the roundabout, on the right.


face
It is facing Ruen-Roeng Park.


7.3
booking clerk
Brian is talking on the phone with a booking clerk of Swan Tour.


take someone on a trip
Arin and Kanittha have planned to take Mr. and Mrs. Adamson on a trip by a special train to Ayutthaya.


agency
Arin asks Brian to contact an agency.


annual festival
We plan to take our clients there for the annual festival.


coach tour
The coach tour takes seven hours.


spectacular
There are five spectacular visits.


BE impressed
You must be impressed.


accept
We accept any credit cards or cash.


sightseeing
They arranged for the sightseeing themselves.


staff
The Asia Kitchenware staff have done so many things for them.


arrange
We can arrange a van for you in half an hour.


limousine
We can get you a limousine.


original
This includes an original Thai lunch at one of the best restaurants in Nakhon Pathom.


tour escort
And the tour escort is extra, right?


itinerary
Has the agency given you the itinerary?


miss out on
I’d like to know that our clients wouldn’t miss out on visiting some famous places.


8.1
summit
The head of some of the world’s biggest companies have been meeting political leaders at the summit.


sustainable
development
The topic of the discussion is sustainable development.


accusation
They look this opportunity to respond to accusation.


global warming
They are not doing enough to combat global warming.


green groups
Green groups say that big companies are enemies of the environment.


multinational corporation
Multinational corporation run businesses in many countries.


business executives

The business executives say that they can make a difference.


make a difference



make a profit

Firms can make a profit and still promote sustainable development.


promote



8.2
job training
College to Offer Cheap Job Training.


non-profit organization
The college would operate as a non-profit organization.


net monthly incomes
The guarantee net monthly incomes of at least 10,000 baht.


guarantee



participant
They guarantee jobs for the course participants.


be charged
Participants would be charged 5,000 baht.


under super vision
The college is under supervision of the government.


overseas employment
This project would promote overseas employment and cut out job seekers’ costs.


cost


job seekers


eliminate
We can eliminate job brokers with this project.


brokers


training fees
Participants won’t have to pay anything but training fees of 5,000 baht.


revolving funds
Job seekers would have to contribute to the revolving funds to help other job seekers.


8.3
economy
You can find business news under the icon ‘economy’.


boost confidence
Interest rates are cut further to boost confidence among customers.


incorporate
The present outlook incorporates a period of sluggish spending.


sluggish


materialize
A solid recovery may be rather slow to materialize.


9.1
systematic
At first my study was very systematic.


manage
I managed to study 1 unit each time.


obstacles
My obstacles are related to my work.


tiredness
Relaxation will get rid of your tiredness.


exhausted
I am always exhausted when I get back home.


laziness
My study problem is due to my laziness.


according to
I cannot study according to my plan.


pick up
It is hard to pick up a book to study.


put aside
You have to put aside some time to study each day.


pay attention to
I always pay attention to new vocabulary when I read a newspaper.


ignore
I ignore my daughter, I will feel guilty as a mother.


feel guilty


take up all the time
My work takes up all the time.


sales figure
If the sales figures drop in any month, I’ll be in trouble.


be in trouble


relax
After that I need some time to relax.


prospect
With a degree, I can find another job with better prospect and work conditions.


work conditions


quit one’s job
Should I quit my job or drop out of STOU?


drop out


9.2
graduate
She graduated from Khon Kaen University.


major in
He majored in Interior Decoration


work part-time
I work part-time as a bartender for 2 years.


job advertisement
I have seen your job advertisement in today’s Bangkok Post.


position
I would like to offer myself for the position.


qualifications
Do you have proper qualifications for the job?


yrs / exp
‘yrs / exp’ stands for years of experience.


N/A
N/A stands for ‘not available or not applicable’.


9.3
take a seat
Please take a seat.


exclusive club
Ours is a famous exclusive club.


convenient
I find it very convenient to travel to work.


handy
It is very handy to own a motorbike.


fill out customers’ orders
I have no questions about your ability to fill out customers’ orders.


language proficiency
Let’s talk about your language proficiency.


first language
Chinese was like my first language.


reasonably well
I can speak English reasonably well in terms of the work at the bar.


in terms of


written English
My written English is not as good as my oral English.


regular customers
Most of the regular customers speak English.


concerning
Do you have any questions concerning the work?


reconsider
I have to reconsider everyone in detail first.


* หมายเหตุ ตัวอย่างที่มีเครื่องหมายดอกจันเป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่คำกริยาเหล่านี้ใช้กับคำนาม คำกริยาเหล่านี้ยังอาจปรากฏกับคำนามอื่นๆ ได้








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น