รายละเอียดชุดวิชา
คำอธิบายชุดวิชา
32207
การบัญชีขั้นกลาง 1 และระบบสารสนเทศทางการบัญชี (Intermediate Accounting 1 and
Accounting Information Systems)
ประกอบด้วย
2 รายวิชา ๆ ละ 3 หน่วยกิต ดังนี้
รายวิชา
32207-1 การบัญชีขั้นกลาง 1 (Intermediate Accounting 1)
คำอธิบายรายวิชา
หลักการและวิธีการบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์
การจำแนกประเภทสินทรัพย์ การรับรู้และการวัดมูลค่าสินทรัพย์ การตีราคา
การจัดแบ่งส่วนสินทรัพย์เป็นต้นทุนและค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชี
การด้อยค่าของสินทรัพย์
การแสดงรายการสินทรัพย์ในงบแสดงฐานการเงินและการเปิดเผยข้อมูล รวมถึง
การรับรู้รายได้และการบัญชีสินค้าเกษตรพร้อมทั้งแบบฝึกปฏิบัติเพื่อประมวลความรู้ทางการบัญชีประจำรายวิชา
วัตถุประสงค์
(อันนี้สำคัญมากค่ะ
คือหัวใจของข้อสอบค่ะ)
1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการจำแนก
การวัดมูลค่า การตีราคา การด้อยค่า และการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์
2. เพื่อให้สามารถแสด่งรายการและเปิดเผบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัย์ในงบการเงิน
รายวิชา
32207-2 ระบบสารสนเทศทางการบัญชี (Accounting Information Systems)
คำอธิบายรายวิชา
ลักษณะ
ส่วนประกอบ และวิธีการของระบบสารสนเทศทางการบัญชี หลักการจัดทำเอกสารของธุรกิจ
หลักการวิเคราะห์และการออกแบบระบบสารสนเทศทางการบัญชี วงจรทางธุรกิจขั้นพื้นฐาน
ระบบย่อยของระบบสารสนเทศทางการบัญชีเกี่ยวกับวงจรรายได้ วงจรค่าใช้จ่าย
วงจรการผลิต วงจรการบริหารเงิน และรายงานทางการเงิน
ประเภทของเอกสารและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องในแต่ละวงจร การควบคุมภายใน
ทางเดินเอกสารและสารสนเทศทางการบัญชีที่เกี่ยวข้อง
และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาจัดทำบัญชี
วัตถุประสงค์
(อันนี้สำคัญมากค่ะ
คือหัวใจของข้อสอบค่ะ)
1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
การวิเคราะห์ การออกแบบและการวางระบบสารสนเทศทางการบัญชี
2. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบสารสนเทศทางการบัญชี
3. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับคลังข้อมูล
การจัดการฐานข้อมูล และการควบคุมภายในของระบบสารสนเทศทางการบัญชี
4. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาจัดทำบัญชี
หน่วยที่
1 แม่บทการบัญชีและมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ขอสรุปรายละเอียดเป็นข้อๆ
ดังต่อไปนี้
-
แม่บทการบัญชีเป็นแนวคิดที่เป็นพื้นฐานในการจัดทำและนำเสนองบการเงินให้แก่ผู้ใช้งบการเงิน
แม่บทการบัญชีให้แนวทางแก่ผู้จัดทำงบการเงินในการนำมาตรฐานการบัญชีมาถือปฏิบัติ
หรือกรณีที่ไม่มีมาตรฐานการบัญชีรองรับ
แม่บทการบัญชีใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติบัญชีได้
-
แม่บทการบัญชีมีขอบเขตเนื้อหาเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ วัตถุประสงค์ของงบการเงินลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน
ค่านิยม การรับรู้รายการ และการวัดมูลค่าขององค์ประกอบของงบการเงิน
ตลอดจนแนวคิดเกี่ยวกับทุน และการรักษาระดับทุน
-
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน หมายถึง
มาตรฐานการรายงานทางการเงินแต่ละฉบับและมาตรฐานการบัญชีแต่ละฉบับ รวมถึงการตีความมาตรฐานซึ่งกำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี
ในพระบรมราชูปถัมภ์โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศซึ่งกำหนดโดยคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ
-
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547
ประเทศไทยมีมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ชุด ได้แก่ 1)
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ซึ่งใช้สำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และ 2)
มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำกรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
-
มาตรฐานการบัญชีเกี่ยวกับรายได้ซึ่งกำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชีได้ให้คำนิยามของรายได้
หมายถึง กระแสรับของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย)
ในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมตามปกติของกิจการ
เมื่อกระแสรับนั้นส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ไม่รวมถึงเงินทุนที่ได้รับจากผู้มีส่วนร่วมในส่วนของเจ้าของ
-
รายได้จำแนกประเภทออกเป็น 3 อย่าง คือ 1) รายได้จากการขายสินค้า 2)
รายได้จากการให้บริการและ 3)
รายได้จากการให้ผู้อื่นใช้สินทรัพย์ของกิจการซึ่งก่อให้เกิดรายได้ในรูปของดอกเบี้ย
ค่าสิทธิ และเงินปันผล
รายได้แต่ละประเภทมีเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับรู้รายได้แตกต่างกันไป
กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายได้แต่ละประเภทในงบการเงินตามที่มาตรฐานการบัญชีกำหนดไว้
-
แม่บทการบัญชี หมายถุง
แนวคิดที่เป็นพื้นฐานในกรจัดทำและนำเสนองบการเงินให้แก่ผู้ใช้งบการเงินที่เป็นบุคคลภายนอก
วัตถุประสงค์ของแม่บทการบัญชีเพื่อแนวทางสำหรับคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีใช้ในการพัฒนาหรือทบทวน
เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้จัดทำงบการเงินในการนำมาตรฐานการบัญชีมาถือปฏิบัติ
หรือในกรณีที่ไม่มีมาตรฐานการบัญชีรองรับ
สามารถใช้แม่บทการบัญชีเป็นแนวทางในการปฏิบัติบัญชีได้
และเพื่อให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจความหมายของข้อมูลที่แสดงในงบการเงินได้ดีขึ้น
-
แม่บทการบัญชีเกี่ยวข้องกับงบการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์โดยทั่วไป
มีขอบเขตเนื้อหาดังนี้ 1) วัตถุประสงค์ของงบการเงิน 2)
ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน 3) คำนิยาม
การรับรู้รายการและการวัดมูลค่าขององค์ประกอบของงบการเงิน และ 4)
แนวคิดเกี่ยวกับทุน และการรักษาระดับทุน
-
วัตถุประสงค์ของงบการเงิน คือ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน
ผลการดำเนินงาน
และการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการต่อผู้ใช้งบการเงินหลายกลุ่มในการนำไปใช้ตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ
ผู้ใช้งบการเงินมี 7 กลุ่มได้แก่ 1) ผู้ลงทุน 2) ผู้ให้กู้ 3) ผู้ขายสินค้า 4)
ลูกจ้าง 5) ลูกค้า 6) รัฐบาลและหน่วยงานราชการ และ 7) สาธารณชน
นักบัญชีมีข้อสมมติฐานในการจัดทำงบการเงิน 2 ข้อ คือ 1) เกณฑ์คงค้าง และ 2)
การดำเนินงานต่อเนื่อง
-
ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงินแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1)
ระดับคุณภาพหลัก ได้แก่ ความเข้าใจได้ ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
ความเชื่อถือได้ และการเปรียบเทียบกันได้ และ 2)
ระดับคุณภาพรองเป็นการขยายระดับคุณภาพหลักบางเรื่องออกมา
ข้อจำกัดของงบการเงินได้แก่ 1)
ความสมดุลระหว่างความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและความเชื่อถือได้ของข้อมูล 2)
ความสมดุลระหว่างประโยชน์กับต้นทุน
-
องค์ประกอบของงบการเงิน ได้แก่ 1) สินทรัพย์ 2) หนี้สิน 3)
ส่วนของเจ้าของ 4) รายได้ และ 5) ค่าใช้จ่าย
การรับรู้รายการขององค์ประกอบของงบการเงินมีหลักเกณฑ์ 2 ข้อ คือ 1)
รายการนั้นเป็นไปตามคำนิยามขององค์ประกอบของงบการเงิน และ 2)
รายการนั้นเข้าเกณฑ์หรือเงื่อนไขของการรับรู้รายการ เมื่อครบ 2 ข้อ คือ 2.1)
มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับหรือสูญเสียประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต
และ 2.2) รายการดังกล่าวมีราคาทุนหรือมูลค่าที่สามารถวัดได้อย่างน่าเชื่อถือ
-
เกณฑ์การวัดมูลค่าขององค์ประกอบของงบการเงิน มี 4 อย่าง คือ 1)
ราคาทุนเดิม 2) ราคาทุนปัจจุบัน 3) มูลค่าที่จะได้รับ (จ่าย) และ 4)
มูลค่าปัจจุบัน
กิจการจะวัดมูลค่าโดยใช้เกณฑ์ใดขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของมาตรฐานการบัญชีในเรื่องนั้นๆ
-
แนวคิดเกี่ยวกับทุนมี 2 แนวคิด คือ 1) ทุนทางการเงิน และ 2)
ทุนทางกายภาพ ส่วนแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาระดับทุนมี 2 แนวคิด เช่นกัน คือ 1)
การรักษาระดับทุนทางการเงิน และ 2) การรักษาระดับทุนทางกายภาพ
-
การพัฒนาแม่บทการบัญชีเกิดขึ้นใน ค.ศ. 2008
เมื่อคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีของสหรัฐอเมริกา
กับคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศได้กำหนดแผนการดำเนินการพัฒนาแม่บทการบัญชีหรือกรอบแนวคิดร่วมกัน
เรียกว่า โครงการกรอบแนวคิดร่วม ใน ค.ศ. 2012 โครงการดังกล่าวเสร็จไปบางส่วนแล้ว
เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะทำให้แม่บทการบัญชีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
-
มาตรฐานการรายงานทางการเงินเป็นมาตรฐานและการตีความที่ออกโดยคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ประกอบด้วย 4 ส่วน
คือ 1) มาตรฐานการรายงานทางการเงินแต่ละฉบับ 2) มาตรฐานการบัญชีแต่ละฉบับ 3)
การตีความมาตรฐานการบัญชีแต่ละฉบับ และ 4)
การตีความมาตรฐานการรายงานทางการเงินแต่ละเรื่อง เมื่อมาตรฐานการรายงานทางกรเงินประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
-
งบการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปต้องจัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทั้งหมดในมาตรฐานกรรายงานทางการเงิน
เพื่อให้ข้อมูลในงบการเงินถูกต้องตามที่ควร และสามารถตอบสนองความต้องการร่วมกันของผู้ใช้งบการเงินหลายฝ่ายได้
-
มาตรฐานการรายงานทางการเงินแต่ละฉบบประกอบด้วย 5 อย่างได้แก่ 1)
คำนิยาม 2) การรับรู้รายการ 3) การวัดมูลค่ารายการ 4) การเลิกรับรู้รายการ และ 5)
การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้มาตรฐานการรายงานทางการเงินบางฉบับอาจมีองค์ประกอบไม่ครบถ้วนทั้ง
5 อย่างก็ได้
-
องค์กรที่กำหนดมาตรฐานการรายงานทางการเงินแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1)
ระดับสากล ได้แก่ คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ และ 2) ระดับประเทศ
สำหรับประเทศไทย ได้แก่ คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี สภาวิชาชีพบัญชี
ในพระบรมราชูปถัมภ์
-
กระบวนกรกำหนดมาตรฐานกรรายงานทางการเงินของประเทศไทยโดยสรุปมีดังนี้
1) จัดทำแผนการพัฒนาหรือปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2)
ร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 3)
จัดประชุมเฉพาะกลุ่มและทำประชาพิจารณ์ร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 4)
แก้ไขร่างมาตรฐานดังกล่าว
เสนอสภาวิชาชีพบัญชีและคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี 5)
นำมาตรฐานฉบับสมบูรณ์ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเผยแพร่ต่อไป
-
ประเทศไทยมีมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ประเภท หรือชุด ได้แก่ 1)
มาตรฐานการายงานทางการเงิน ใช้สำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และ 2)
มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
-
มาตรฐานการรายงานทางการเงินที่ใช้สำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะหรือมาตรฐานชุดใหญ่ของประเทศไทยอ้างอิงมาจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ
-
มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
หรือมาตรฐานชุดเล็กของประเทศไทยเป็นไปตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 20/2554
-
รายได้ หมายถึง
กระแสรับของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจก่อนหักค่าใช้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมการปกติของกิจการ
เมื่อกระแสรับนั้นส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ไม่รวมถึงเงินทุนที่ได้รับจากผู้มีส่วนร่วมในส่วนของเจ้าของ
รายได้จำแนกเป็น 3 ประเภท คือ 1) รายได้จากการขายสินค้า 2) รายได้จากการให้บริการ
และ 3) รายได้ในรูปดอกเบี้ย ค่าสิทธิและเงินปันผลเกณฑ์การรับรู้รายได้ตามแม่บทการบัญชี
(ปรับปรุง 2552) คือ กิจการต้องรับรู้รายได้ในงบกำไรขาดทุน
เมื่อประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์
หรือการลดลงของหนี้สิน
และเมื่อกิจการสามารถวัดค่าของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างน่าเชื่อถือ
-
รายได้จากการขายสินค้ามีเงื่อนไขของการรับรู้รายได้ 5 ข้อ คือ 1)
การโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนให้ผู้ซื้อแล้ว 2)
ผู้ขายไม่ได้เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าอย่างต่อเนื่อง 3)
การวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ 4)
ความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากรายการบัญชีนั้น และ
5) การวัดมูลค่าของต้นทุนได้อย่างน่าเชื่อถือ
-
รายได้จากการให้บริการมีเงื่อนไขของการรับรู้รายได้ 4 ข้อ คือ 1)
การวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ 2)
ความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากรายการบัญชีนั้น 3)
การวัดขึ้นความสำเร็จของรายการบัญชีได้อย่างน่าเชื่อถือ และ 4)
การวัดมูลค่าของต้นทุนได้อย่างน่าเชื่อถือ
-
รายได้ในรูปดอกเบี้ย
ค่าสิทธิและเงินปันผลมีเงื่อนไขของการรับรู้รายได้ 2 ข้อ คือ 1)
ความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากรายการบัญชีนั้น และ
2) การวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น