หน่วยที่ 4 เงินลงทุน
-
เงินลงทุนเป็นสินทรัพย์ที่กิจการมีไว้เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับกิจการ
กิจการเลือกถือเงินลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของกิจการนั้น
กิจการอาจได้เงินลงทุนมาด้วยการซื้อหรือการแลกเปลี่ยน
จึงต้องมีการคำนวณต้นทุนของเงินลงทุนและกำหนดมูลค่าเงินลงทุนที่จะรายงานในงบแสดงฐานะการเงิน
-
การบันทึกรายการได้มาของเงินลงทุนจะใช้ราคาทุนเริ่มแรก
หลังจากนั้น ณ วันสิ้นงวดเงินลงทุนประเภทหลักทรัพย์เพื่อค้าและเผื่อขายจะวัดมูลค่าโดยใช้มูลค่ายุติธรรม
ซึ่งจะมีผลกำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น
ส่วนเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่จัดประเภทเป็นหลักทรัพย์เผื่อขายและตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนดจะต้องตัดส่วนลดหรือส่วนเกินของเงินลงทุนตามวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
สำหรับเงินลงทุนทั่วไปและเงินลงทุนในบริษัทย่อยจะใช้ราคาทุนเพื่อแสดงในงบแสดงฐานะการเงิน
และใช้วิธีส่วนได้เสียสำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วม
-
รายการอื่นเกี่ยวกับเงินลงทุนในหลักทรัพย์ประกอบด้วย
ผลตอบแทนอื่นจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ เงินลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ
การด้อยค่าของเงินลงทุน และการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุน
-
เงินลงทุนเป็นสินทรัพย์ที่กิจการมีไว้เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับกิจการ
กิจการเลือกถือเงินลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน
สินทรัพย์ที่มีตัวตน และสินทรัพย์อื่นๆ
ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของกิจการซึ่งมีความแตกต่างกัน กิจการอาจถือเงินลงทุนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยหรือเงินปันผล
หรืออาจถือไว้เพื่อให้เกิดสภาพคล่องหรืออาจถือไว้เพื่อให้มีโอกาสเข้าไปควบคุมการดำเนินงานของกิจการอื่น
-
กิจการจะรับรู้รายการเงินลงทุนเมื่อเข้าเงื่อนไขการรับรู้รายการตาที่กำหนดไว้ในแม่บทการบัญชีและสามารถจำแนกการจัดประเภทเงินลงทุนเป็น
2 แบบ คือ จัดประเภทตามเกณฑ์การแสดงรายการในงบแสดงฐานะการเงิน
และจัดประเภทตามเกณฑ์วัตถุประสงค์ของการถือเงินลงทุน
-
ต้นทุนของเงินลงทุนต้องรวมรายจ่ายโดยตรงในการได้มาซึ่งเงินลงทุน
กิจการอาจได้เงินลงทุนมาด้วยสถานการณ์ต่างๆ
ต้นทุนของเงินลงทุนจึงอาจใช้ราตลาดของหลักทรัพย์ที่ออกหรือมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่นำไปแลกหรือมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนที่ได้มา
และการกำหนดมูลค่าของเงินลงทุนขึ้นอยู่กับการจัดประเภทของเงินลงทุน
-
มูลค่าของเงินลงทุนจะแสดงในงบแสดงฐานะการเงินภายใต้หัวข้อสินทรัพย์หมุนเวียนหรือสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนแล้วแต่กรณี
ส่วนการแสดงรายการในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจะแสดงผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน และกระแสเงินสดที่เกิดจากการซื้อขายโดยแยกเป็นกระแสเงินสดรับและกระแสเงินสดจ่ายตามกิจกรรมต่างๆ
ขึ้นอยู่กับประเภทของเงินลงทุน
นอกจากนี้ยังต้องเปิดเผยข้อมูลตามที่มาตรฐานการบัญชีกำหนด
-
หลักทรัพย์เพื่อค้าจัดประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราว
การวัดมูลค่าหลักทรัพย์เพื่อค้า ณ วันสิ้นงวดจะใช้มูลค่ายุติธรรม
สำหรับผลกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากความแตกต่างระหว่างราคาทุนกับมูลค่ายุติธรรมจะรับรู้ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จทันที
-
หลักทรัพย์เผื่อขายจัดประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราวหรือเงินลงทุนระยะยาวขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ลงทุน
สำหรับการวัดมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขาย ณ วันสิ้นงวดจะใช้มูลค่ายุติธรรม
ส่วนผลกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจะแสดงภายใต้หัวข้อส่วนของผู้ถือหุ้นในงบแสดงฐานการเงิน
-
เงินลงทุนในตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนดจัดประเภทเป็นเงินลงทุนระยะยาว
ในกรณีที่เกิดส่วนลดหรือส่วนเกินจากเงินลงทุนจะต้องตัดจำหน่ายให้หมดไปตลอดอายุของการถือตราสารหนี้
โดยวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือวิธีอื่นที่ให้ผลไม่แตกต่างกัน ดังนั้น
มูลค่าของเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่จะถือจนครบกำหนดที่จะแสดง ณ วันสิ้นงวดคือ
ราคาทุนตัดจำหน่าย สำหรับเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดใน 1 ปี
จะจัดประเภทเป็นเงินลงทุนชั่วคราว
-
เงินลงทุนทั่วไปซึ่งเป็นเงินลงทุนในตราสารทุนที่ไม่อยู่ในความต้องการของตลาดจึงวัดมูลค่าด้วยราคาทุน
ส่วนวิธีปฏิบัติทางบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยจะใช้วิธีส่วนได้เสียและวิธีราคาทุนตามลำดับ
-
การลงทุนในหลักทรัพย์นอกจากจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินสดปันผล
กรณีเป็นตราสารทุน และ ดอกเบี้ยรับกรณีเป็นตราสารหนี้แล้ว
อาจได้รับผลตอบแทนในรูปแบบอื่น คือ หุ้นปันผล สินทรัพย์ปันผล
และใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ ผลตอบแทนต่างๆ
เหล่านี้มีวิธีปฏิบัติทางบัญชีที่แตกต่างกันไป
-
การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพให้สิทธิแก่ผู้ลงทุนที่จะเปลี่ยนสถานะจากเจ้าหนี้ไปเป็นเจ้าของกิจการ
ทั้งนี้ กิจการผู้ออกหุ้นกู้จะกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการแปลงสภาพ
ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพเกิดผลกำไรหรือขาดทุนจากการแปลงสภาพก็ได้
-
ณ วันสิ้นงวดเมื่อเกิดข้อบ่งชี้ในการด้อยค่า
ข้อบ่งชี้นี้ส่งผลกระทบในทางลบต่อกระแสเงินสดที่กิจการจะได้รับจากเงินลงทุน
กิจการต้องเปรียบเทียบมูลค่าตามบัญชีของเงินลงทุนกับมูลค่าที่จะได้รับ
และถ้ามูลค่าตามบัญชีสูงกว่า
จะต้องรับรู้ผลต่างเป็นผลขาดทุนจากการด้อยค่าในงบกำไรขาดทุนทันที
-
เมื่อกิจการได้มาซึ่งเงินลงทุนจะจัดประเภทเงินลงทุนนั้นตามวัตถุประสงค์ที่กิจการกำหนด
แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป กิจการอาจโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนก็ได้ ณ
วันที่โอนเปลี่ยนประเภทจะใช้มูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนนั้นในการบันทึกบัญชี
และอาจเกิดกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น
ตัวอย่างการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เมื่อวันที่
1 กันยายน 25x1 กิจการแห่งหนึ่งซื้ออาคารมูลค่า 600,000 บาท
เพื่อการลงทุน สิ้นปี 25x1 มูลค่ายุติธรรมของอาคารเท่ากับ
720,000 บาท วันที่ 1 พฤศจิกายน 25x2
ขายอาคารได้เงิน 900,000 บาท
25x1
ก.ย. 1 เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์-อาคาร 600,000
เงินสด 600,000
บันทึกซื้ออาคารเพื่อการลงทุน
--------------------------------------------------------
ธ.ค. 31 เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์-อาคาร 120,000
ผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น
(รับรู้เป็นรายได้) 120,000
บันทึกปรับปรุงเงินลงทุนให้แสดงมูลค่ายุติธรรม
--------------------------------------------------------
25x2
พ.ย. 1 เงินสด 900,000
เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์-อาคาร 720,000
ผลกำไรจากากรขายเงินลงทุน 180,000
บันทึกขายเงินลงทุนในอาคาร
--------------------------------------------------------
ตัวอย่างการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
บริษัทแห่งหนึ่งซื้อทองมูลค่า
100,000 บาท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 25x1
เพื่อการลงทุนสิ้นปี 25x1 มูลค่ายุติธรรมของทองคำเท่ากับ
110,000 บาท และวันที่ 10 มกราคม 25x2
บริษัทขายทองคำได้เงิน 125,000 บาท
25x1
ต.ค. 1 เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์-ทองคำ 100,000
เงินสด 100,000
บันทึกซื้อทองคำเพื่อการลงทุน
--------------------------------------------------------
ธ.ค. 31 เงินลงทุนในสังหาริมทรัพย์-ทองคำ 10,000
ผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น
(รับรู้เป็นรายได้) 10,000
บันทึกปรับปรุงเงินลงทุนในแสดงมูลค่ายุติธรรม
--------------------------------------------------------
25x2
ม.ค. 10 เงินสด 125,000
เงินลงทุนในสังหาริมทรัพย์-ทองคำ 110,000
ผลกำไรจากการขายเงินลงทุน 15,000
บันทึกขายเงินลงทุน
--------------------------------------------------------
ตัวอย่างการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในการประกันชีวิต
บริษัทแห่งหนึ่งได้ทำประกันชีวิตผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทไว้เมื่อวันที่
1 มิถุนายน 25x1 วงเงิน 200,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันชีวิตปีละ
9,000 บาท และได้จ่ายเบี้ยประกนชีวิตงวดแรกวันที่ 1 มิถุนายน 25x1
รายละเอียดเกี่ยวกับการประกันชีวิตในระยะเวลา 3 ปี มีดังนี้
ตารางแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการประกันชีวิต
|
|||||
วัน เดือน ปี
|
(1)
ค่าเบี้ยประกัน
|
(2)
เงินปันผล
|
(3) = (1) - (2)
ค่าเบี้ยประกันสุทธิ
|
(4)
ราคาเวนคืนกรมธรรม์ที่เพิ่มขึ้น
|
(5) = (3) – (4)
ค่าเบี้ยประกันที่เป็นค่าใช้จ่าย
|
1 มิ.ย. 25x1 – 31 ธ.ค. 25x2
|
9,000
|
-
|
9,000
|
-
|
9,000
|
1 มิ.ย. 25x2 – 31 ธ.ค. 25x3
|
9,000
|
900
|
8,100
|
4,800
|
3,300
|
1 มิ.ย. 25x3 – 31 ธ.ค. 25x4
|
9,000
|
1,000
|
8,000
|
5,000
|
3,000
|
บริษัทปิดบัญชี วันที่ 31 ธันวาคม
25x1
ผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 25x2
บริษัทได้รับค่าเบี้ยประกันชีวิตจ่ายล่วงหน้าที่เหลือคืนมาจากบริษัทประกันชีวิต
และได้รับเงินปันผล 600 บาท การบันทึกบัญชีเป็นดังนี้
25x1
มิ.ย. 1 ค่าเบี้ยประกันชีวิตจ่ายล่วงหน้า 9,000
เงินสด 9,000
บันทึกจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต
--------------------------------------------------------
ธ.ค. 31 ค่าเบี้ยประกันชีวิต 5,250
ค่าเบี้ยประกันชีวิตจ่ายล่วงหน้า 5,250
บันทึกโอนค่าเบี้ยประกันชีวิตเป็นค่าใช้จ่าย
(9,000
x 7/12 = 5,250 บาท)
25x2
มิ.ย. 1 ราคาเวนคืนกรมธรรม์ 4,800
ค่าเบี้ยประกันชีวิตจ่ายล่วงหน้า 3,300
เงินสด 8,100
บันทึกจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตและบันทึกราคาเวนคืนกรมธรรม์
--------------------------------------------------------
ก.ย. 1 ค่าเบี้ยประกันชีวิต 4,575
ค่าเบี้ยประกันชีวิตจ่ายล่วงหน้า 4,575
บันทึกโอนค่าเบี้ยประกันชีวิตเป็นค่าใช้จ่าย
--------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น