หน่วยที่ 7
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนและค่าความนิยม
-
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เป็นตัวเงินที่สามารถระบุได้และไม่มีลักษณะเชิงกายภาพ
โดยทั่วไปจะครอบคลุมถึงสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้าและยี่ห้อการค้า
การให้ใช้สิทธิ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่น ทั้งนี้กิจการจะต้องรับรู้
วัดมูลค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนตามระยะเวลาที่ได้รับประโยชน์
การแสดงรายการสินทรัพย์ไม่มีตัวตนนั้นจะแสดงในงบแสดงฐานะการเงินภายใต้สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนและเปิดเผยข้อมูลตามแนวทางที่มาตรฐานการรายงานทางการเงินได้กำหนดไว้
-
รายจ่ายวิจัยและพัฒนา
รายจ่ายเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์และต้นทุนเว็บไซต์โดยทั่วไปไม่ถือเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
แต่จะรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดที่เกิดรายการขึ้น อย่างไรก็ตาม รายจ่ายในช่วงของการพัฒนา
ถ้าเข้าเงื่อนไขต้นทุนพัฒนาที่จะรับรู้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนแล้วจึงจะบันทึกเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนและตัดจำหน่ายตามอายุการให้ประโยชน์
-
ค่าความนิยมแสดงถึงการที่กิจการมีประสิทธิภาพในการหากำไรสูงกว่าปกติเมื่อเปรียบเทียบกับกิจการประเภทเดียวกัน
โดยทั่วไปกิจการจะกำหนดมูลค่าของค่านิยมได้เมื่อมีการซื้อขายกิจการ
โดยใช้ผลต่างของราคาซื้อที่สุงกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิ
และผู้ซื้อจะเป็นผู้บันทึกบัญชีค่าความนิยมทั้งนี้กิจการไม่มีการตัดจำหน่ายค่าความนิยม
แต่ต้องการทดสอบการด้อยค่าของค่าความนิยมเป็นประจำทุกปีและบันทึกบัญชีเมื่อมีข้อบ่งชี้ว่าค่าความนิยมนั้นมีการด้อยค่า
-
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน หมายถึง
สินทรัพย์ที่ไม่เป็นตัวเงินที่สามารถระบุได้และไม่มีลักษณะทางกายภาพ
โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของกิจการและกิจการจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต
การแบ่งประเภทของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
โดยพิจารณาถึงความเกี่ยวข้องของสินทรัพย์อาจแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์และออกแบบผลิตภัณฑ์ 2)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องกับงานสร้างสรรค์ 3)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องกับการตลาด 4)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องกับสัญญา และ 5)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
-
การรับรู้สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเมื่อเข้าเกณฑ์ที่มาตรฐานการบัญชีกำหนด
คือ
มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจในอนาคตจากสินทรัพย์ไม่มีตัวตนจะใช้ราคาทุน
โดยอาจแบ่งได้เป็น 5 กรณีตามวิธีการได้มา คือ 1) การได้มาแยกต่างหาก 2)
การได้มาจากการรวมธุรกิจ 3) การได้มาจากการอุดหนุนของรัฐบาล 4)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยน และ 5) การเกิดขึ้นภายในกิจการเอง
สำหรับการวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการมี 2 วิธี คือ
วิธีราคาทุนและวิธีการตีราคาใหม่
-
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่อายุการให้ประโยชน์ทราบแน่นอน
กิจการต้องตัดจำหน่ายตามอายุการให้ประโยชน์ซึ่งมีหลายวิธี ได้แก่ วิธีเส้นตรง
วิธียอดคงเหลือลดลง และวิธีจำนวนผลผลิต สำหรับสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่อายุการให้ประโยชน์ไม่ทราบแน่นอน
กิจการต้องไม่ตัดจำหน่ายสินทรัพย์นั้น ทั้งนี้กิจการต้องทดสอบการด้อยค่าเป็นรายปี
และบันทึกบัญชีเมื่อมีข้อบ่งชี้ว่าสินทรัพย์นั้นมีการด้อยค่า นอกจากนี้
ยังต้องทบทวนการประเมินอายุการให้ประโยชน์ทุกปีอีกด้วย
-
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนแสดงรายการภายใต้หัวข้อสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนในงบแสดงฐานการเงินสำหรับการเปิดเผยข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินนั้น
กิจการจะต้องเปิดรายละเอียดเกี่ยวกับสินทรัพย์ไม่มีตัวตนแต่ละประเภท
โดยแบ่งแยกระหว่างสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายในกับสินทรัพย์ไม่ตัวตนประเภทอื่น
รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลอื่นตามที่มาตรฐานการบัญชีกำหนด
-
รายจ่ายวิจัยและพัฒนามักส่งผลให้เกิดสิ่งใหม่ซึ่งอาจเกี่ยวโยงกับสินทรัพย์ไม่มีตัวตนบางชนิดแต่การวิจัยและพัฒนาที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่
ดังนั้น จึงต้องรับรู้รายจ่ายวิจัยและพัฒนาเป็นค่าใช้จ่ายในงวดที่เกิดรายการขึ้น
ยกเว้นรายจ่ายในขั้นตอนการพัฒนาเฉพาะที่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรฐานการบัญชี
จึงจะถือเป็นต้นทุนของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
-
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่กิจการซื้อมาเพื่อขายจะถือเป็นสินค้าคงเหลือ
ในกรณีที่กิจการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์และเว็บไซต์ขึ้นใช้เองหรือเพื่อการค้า
รายจ่ายวิจัยและพัฒนาดังกล่าวจะตัดเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดรายการนั้นๆ
แต่ถ้าการพัฒนามีความก้าวหน้า มีประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคต
รวมทั้งมีสิทธิในการควบคุมการใช้ประโยชน์และต้นทุนกำหนดได้อย่างน่าเชื่อถือแล้วรายจ่ายหลังจากการมีความก้าวหน้าดังกล่าวที่เข้าเงื่อนไขการรับรู้ตามมาตรฐานการบัญชีจึงถือเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
-
ค่าความนิยม หมายถึง
สินทรัพย์ที่แสดงถึงผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตที่จะได้รับจากสินทรัพย์อื่นที่ได้มาจากการรวมธุรกิจ
ซึ่งไม่สามารถระบุและรับรู้เป็นรายการแยกออกมาให้ชัดเจนได้
ค่าความนิยมของกิจการแสดงถึงการที่กิจการมีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงกว่าปกติ
เมื่อเปรียบเทียบกับกิจการประเภทเดียวกัน
-
การวัดมูลค่าของค่าความนิยมจะใช้ราคาทุนซึ่งเป็นผลต่างของราคาที่ซื้อกิจการอื่น
กับมูลค่าสุทธิของกิจการนั้น และเมื่อสิ้นงวดกิจการจะต้องทดสอบการด้อยค่าของค่าความนิยมหากมีการด้อยค่าของค่าความนิยม
หากมีข้อบ่งชี้ของการด้อยค่าก็จะมีบัญชีผลขาดทุนจากการด้อยค่าสะสมเป็นบัญชีปรับมูลค่าค่าความนิยม
นอกจากนี้
กิจการจะต้องเปิดเผยนโยบายการบัญชีและข้อมูลเพิ่มเติมไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น