บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยเรื่อง
การเปรียบเทียบความสามารถและเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3
ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี
กับทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ มีรายละเอียดผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
กับทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ มีรายละเอียดผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยได้ใช้สัญลักษณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
n แทน จำนวนนักเรียน

S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
t แทน ค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบค่า
ที (t-test)
P แทน ค่า p-value หรือค่า sig. 2-tails
* แทน การมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลหลังการทดลองผลปรากฏ ดังนี้
1. เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนที่ได้รับการสอนตาม ทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของ
ไวก็อตสกี ดังตาราง 10
ปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนที่ได้รับการสอนตาม ทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของ
ไวก็อตสกี ดังตาราง 10
ตาราง 10 การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี ระหว่าง
ก่อนเรียนและหลังเรียน
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี ระหว่าง
ก่อนเรียนและหลังเรียน
กลุ่มทดลอง
|
n
|
![]() |
S.D.
|
t
|
P
|
ก่อนเรียน
|
48
|
21.54
|
6.65
|
3.912
|
.000*
|
หลังเรียน
|
48
|
25.17
|
5.83
|
* P ≤ .05
จากตาราง 10 พบว่า ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ระหว่าง
ก่อนเรียนและหลังเรียนที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ดังตาราง 11
ก่อนเรียนและหลังเรียนที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ดังตาราง 11
ตาราง 11 การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน
ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน
กลุ่มทดลอง
|
n
|
![]() |
S.D.
|
t
|
P
|
ก่อนเรียน
|
47
|
21.79
|
4.42
|
6.234
|
.000*
|
หลังเรียน
|
47
|
26.68
|
5.20
|
* P ≤ .05
จากตาราง
11 พบว่า
ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05
3. เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี
กับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
ดังตาราง 12
ดังตาราง 12
ตาราง 12 การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ได้รับ
การ สอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี กับการสอนตามทฤษฎี โครงสร้างทางความรู้
การ สอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี กับการสอนตามทฤษฎี โครงสร้างทางความรู้
กลุ่มทดลอง
|
n
|
![]() |
S.D.
|
t
|
P
|
การสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี
|
48
|
25.17
|
5.83
|
1.408
|
.166
|
การสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
|
47
|
26.68
|
5.20
|
* P ≤ .05
จากตาราง
12
พบว่าความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกีกับความสามารถในการอ่านของนักเรียนที่ได้รับการสอนตาม
ทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ไม่แตกต่างกัน
4. เปรียบเทียบเจตคติที่มีต่อการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3
ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี กับทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ดังตาราง 13-15
ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี กับทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้ ดังตาราง 13-15
ตาราง 13 เจตคติที่มีต่อการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ได้รับการสอน ตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกี
รายการประเมิน
|
![]() |
S.D.
|
แปลผล
|
1. นักเรียนมีความสุขกับการอ่านภาษาอังกฤษ
|
3.84
|
0.74
|
มาก
|
2. นักเรียนชอบการสอนตามทฤษฎีนี้มาก
|
3.31
|
0.82
|
ปานกลาง
|
3. นักเรียนรู้สึกว่าการเรียนรู้ครั้งนี้สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
|
3.69
|
0.99
|
มาก
|
4. การเรียนการสอนช่วยให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นใน
การใช้อ่าน
|
3.51
|
1.03
|
มาก
|
5. นักเรียนสามารถอ่านจับใจความและรู้คำศัพท์มากขึ้น
|
3.76
|
0.96
|
มาก
|
6. นักเรียนรู้สึกพึงพอใจในการสอนอ่านของอาจารย์
|
3.62
|
0.89
|
มาก
|
7. นักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษจะเป็นประโยชน์
ต่อนักเรียนในภายภาคหน้า
|
4.40
|
0.75
|
มาก
|
8. นักเรียนอยากอ่านภาษาอังกฤษให้เก่ง
|
4.29
|
0.94
|
มาก
|
9. นักเรียนคิดว่าการเรียนคำศัพท์ ภาษาอังกฤษมี
ประโยชน์ต่อการอ่านภาษาอังกฤษ
|
4.51
|
0.66
|
มากที่สุด
|
10. นักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษมีประโยชน์
ในชีวิตประจำวันของนักเรียน
|
4.60
|
0.58
|
มากที่สุด
|
รวมเฉลี่ย
|
3.79
|
0.47
|
มาก
|
จากตาราง 13 พบว่า
โดยภาพรวมแล้วนักเรียนที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรม ของไวก็อตสกี มีเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษในระดับมาก
(
= 3.79)
โดยนักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักเรียนมากที่สุด
(
= 4.60) รองลงมาคือ นักเรียนคิดว่า การเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษมีประโยชน์ต่อการอ่านภาษาอังกฤษ
(
= 4.51) และสุดท้าย
นักเรียนคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษจะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนในภายภาคหน้า
(
= 4.40)



(

ตาราง 14 เจตคติที่มีต่อการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ได้รับการสอน ตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
รายการประเมิน
|
![]() |
S.D.
|
แปลผล
|
1. นักเรียนมีความสุขกับการอ่านภาษาอังกฤษ
|
3.81
|
0.82
|
มาก
|
2. นักเรียนชอบการสอนตามทฤษฎีนี้มาก
|
3.42
|
0.82
|
ปานกลาง
|
3. นักเรียนรู้สึกว่าการเรียนรู้ครั้งนี้สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
|
3.67
|
0.78
|
มาก
|
4. การเรียนการสอนช่วยให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่น
ในการใช้อ่าน
|
3.63
|
0.76
|
มาก
|
5. นักเรียนสามารถอ่านจับใจความและรู้คำศัพท์
มากขึ้น
|
3.84
|
0.78
|
มาก
|
6. นักเรียนรู้สึกพึงพอใจในการสอนอ่านของอาจารย์
|
3.70
|
0.77
|
มาก
|
7. นักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษจะเป็น
ประโยชน์ต่อนักเรียนในภายภาคหน้า
|
4.21
|
0.80
|
มาก
|
8. นักเรียนอยากอ่านภาษาอังกฤษให้เก่ง
|
4.42
|
0.82
|
มาก
|
9. นักเรียนคิดว่าการเรียนคำศัพท์
ภาษาอังกฤษมี
ประโยชน์ต่อการอ่านภาษาอังกฤษ
|
4.40
|
0.79
|
มาก
|
10. นักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษมีประโยชน์
ในชีวิตประจำวันของนักเรียน
|
4.26
|
0.79
|
มาก
|
รวมเฉลี่ย
|
3.87
|
0.34
|
มาก
|
จากตาราง
14 พบว่า นักเรียนที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้มีเจตคติที่ดีต่อการอ่านภาษาอังกฤษอยู่ในระดับมาก
(
= 3.86)
โดยที่นักเรียนอยากเรียนให้เก่งมากที่สุด (
= 4.42) รองลงมาคือ นักเรียนคิดว่าการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษมีประโยชน์ต่อการอ่าน ภาษาอังกฤษ (
= 4.40) และลำดับต่อมานักเรียนคิดว่าการอ่านภาษาอังกฤษมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักเรียน
(
= 4.26)




ตาราง 15 เปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ได้รับการสอนตามทฤษฎี เชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกีกับทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
กลุ่มทดลอง
|
n
|
![]() |
S.D.
|
t
|
P
|
การสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรม
ของไวก็อตสกี |
48
|
3.79
|
0.47
|
1.446
|
.172
|
การสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
|
47
|
3.87
|
0.34
|
* P ≤ .05
จากตาราง 15 พบว่า เจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่มีต่อการสอนตามทฤษฎีเชิงสังคมและวัฒนธรรมของไวก็อตสกีกับนักเรียนที่ได้รับการสอนตามทฤษฎีโครงสร้างทางความรู้
ไม่แตกต่างกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น