4.
พัฒนาการทางภาษา
ไวก๊อตสกี้ได้กล่าวถึงความสำคัญของภาษาไว้ว่า
ภาษาเป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงของสิ่งที่รับรู้
ภาษาเป็นกุญแจสู่ธรรมชาติแห่งจิตสำนึกของมนุษย์ ถ้อยคำเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงใน
การพัฒนาความคิดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในการพัฒนาของจิตสำนึกทั้งปวงด้วย คำๆหนึ่งเป็นเสมือนดาวดวงหนึ่งๆ ในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของมนุษย์ (ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม, 2542, หน้า 31; Vygotsky, 1962, p.153)
การพัฒนาความคิดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในการพัฒนาของจิตสำนึกทั้งปวงด้วย คำๆหนึ่งเป็นเสมือนดาวดวงหนึ่งๆ ในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของมนุษย์ (ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม, 2542, หน้า 31; Vygotsky, 1962, p.153)
ไวก๊อตสกี้กล่าวถึงคุณลักษณะของภาษาไว้ว่า
ภาษาเป็นสิ่งที่สังคมถ่ายทอดให้เป็นพื้นฐานของคุณภาพในการคิด และเป็นส่งิที่มีความสำคัญยิ่งในพัฒนาการทางสติปัญญาของมนุษย์
(ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม, 2542, หน้า 31; Ebbeck, &
Ebbeck, 1996, p.60; Wadsworth, 1996, p.11)
แฮมิลตันและเกตตาลา
(Hamilton, & Ghatala, 1994, pp.259-263) ได้อธิบายขั้นตอนของพัฒนาการทางภาษาตามแนวคิดของไวก๊อตสกี้ไว้ว่า
ความคิดและภาษาเป็นสิ่งที่มีรากฐานต่างกันเป็นอิสระจากกัน แต่เด็กจะค่อยๆ
เชื่อมโยงและพัฒนาทั้งความคิดและภาษาไปพร้อมๆ กัน
จากขั้นต้นที่ภาษาเป็นเพียงการเปล่งเสียง และความคิดเป็นเพียงความรู้สึกในใจ จนถึงขั้นสูงที่ความคิดแสดงออกเป็นถ้อยคำ และภาษาแสดงถึงความเป็นเหตุผล โดยภาษาจะมีหน้าที่ช่วยจัดระเบียบความคิด พัฒนาการดังกล่าวแบ่งได้ 4 ขั้น (ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม, 2542, หน้า 31) คือ
จากขั้นต้นที่ภาษาเป็นเพียงการเปล่งเสียง และความคิดเป็นเพียงความรู้สึกในใจ จนถึงขั้นสูงที่ความคิดแสดงออกเป็นถ้อยคำ และภาษาแสดงถึงความเป็นเหตุผล โดยภาษาจะมีหน้าที่ช่วยจัดระเบียบความคิด พัฒนาการดังกล่าวแบ่งได้ 4 ขั้น (ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม, 2542, หน้า 31) คือ
1. ขั้นเริ่มต้นหรือขั้นตามธรรมชาติ
(primitive or natural stage)
ขั้นนี้จะเริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ 2 ขวบ
เด็กจะเปล่งเสียงเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกตนเอง
ตามความรู้สึกของตน ในช่วงท้ายของขั้นนี้ เด็กจะเริ่มพูดเป็นคำๆ ได้
ถ้าได้รับการกระตุ้นจากผู้ใหญ่
2. ขั้นไร้เดียงสา
(naïve psychology stage)
ขั้นนี้จะเริ่มประมาณ 2 ขวบถึง 4 ขวบ เด็กจะเริ่มตระหนักในลักษณะของสิ่งต่างๆ
ที่อยู่ล้อมรอบตัวเอง จะใช้คำพูดเพื่อเรียกชื่อต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ทางภาษาได้
แต่ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงทั้งหมดของคำพูดเหล่านั้น
3. ขั้นสัญญาณภายนอก
(external sign state) ขั้นนี้จะเริ่มประมาณ
4 ขวบถึง 7 ขวบ เด็กจะสามารถใช้สัญลักษณ์แทนความจริง เช่น
ภาษาเป็นเครื่องช่วยแก้ปัญหาในจิตใจ โดยแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น
นับนิ้วเพื่อช่วยบวกเลข พูดสอนตัวเองเวลาทำงาน เป็นต้น
ขั้นนี้สอดคล้องกับขั้นการพูดแบบตนเองเป็นศูนย์กลาง (egocentric speech) ตามแนวคิดของ
เพียเจท์ (Piaget)
เพียเจท์ (Piaget)
4. ขั้นเติบโตภายใน (ingrowth stage) ช่วงนี้จะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 7
ขวบเป็นต้นไป ในขั้นนี้การแสดงออกถึงการใช้ภาษาและสัญลักษณ์อย่างเห็นได้ชัดจะลดลงไป
เด็กจะใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการคิด และการแก้ปัญหา ในลักษณะที่เป็นกระบวนการภายในจิตใจ
ไวก๊อตสกี้ไม่เห็นด้วยกับเพียเจท์ (Piaget) ที่ว่า
การพูดแบบตนเองเป็นศูนย์กลางจะหลบไปเกิดขึ้นในใจ เป็นการพูดในใจ (inner
speech) ซึ่งเป็นการใช้คำพูดและสัญลักษณ์ต่างๆ
ในใจเป็นเครื่องช่วยในการแก้ปัญหาและควบคุมการทำงานขอตนเองต่อไป
ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม (2542, หน้า 32) ได้สรุปว่า
พัฒนาการทางภาษาตามแนวคิดของ
ไวก๊อตสกี้จะเน้นความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับภาษาซึ่งเริ่มต้นจากในวัยทารก ซึ่งเป็นวัยที่ความคิดและภาษาเป็นอิสระจากกัน แต่เด็กจะค่อยๆ เชื่อมโยงทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันและพัฒนาทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆ กัน จนความคิดส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของภาษาและภาษาส่วนใหญ่จะแสดงถึงความคิด
ไวก๊อตสกี้จะเน้นความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับภาษาซึ่งเริ่มต้นจากในวัยทารก ซึ่งเป็นวัยที่ความคิดและภาษาเป็นอิสระจากกัน แต่เด็กจะค่อยๆ เชื่อมโยงทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันและพัฒนาทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆ กัน จนความคิดส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของภาษาและภาษาส่วนใหญ่จะแสดงถึงความคิด
อาจกล่าวได้ว่า
ไวก๊อตสกี้เน้นความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับภาษา เพื่อให้เกิดพัฒนาการทางภาษา
ตั้งแต่แรกเกิด แสดงให้เห็นว่าภาษาแสดงให้เห็นความคิดของแต่ละบุคคล
และเมื่อคิดก็จะต้องการแสดงความคิดด้วยภาษาเพื่อการสื่อสารนั่นเอง
และเมื่อคิดก็จะต้องการแสดงความคิดด้วยภาษาเพื่อการสื่อสารนั่นเอง
เบนสัน (Benson, 1995, unpaged) ได้อธิบายแนวคิดของไวก๊อตสกี้ว่า
มองพัฒนาการของความคิดและภาษาเป็นอิสระจากกัน
และต่างก็ได้รับอิทธิพลจากกระบวนการสร้างมโนทัศน์
ซึ่งขึ้นกับสภาพของพัฒนาการของผู้นั้น การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการ แต่พัฒนาการไม่ได้ขึ้นกับการเรียนรู้
ซึ่งขึ้นกับสภาพของพัฒนาการของผู้นั้น การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการ แต่พัฒนาการไม่ได้ขึ้นกับการเรียนรู้
ไวก๊อตสกี้กล่าวถึงปรากฏการณ์การพูดกับตนเอง
(private speech) ของเด็กว่า
เป็นวิธีที่เด็กใช้เพื่อกำกับความคิด และการกระทำของตนเอง (ชินะพัฒน์ ชื่นแดชุ่ม,
2542, หน้า 32; Berk, &
Winsler, 1995, pp.34-37; Woolfolk, 1995, p.49)
ชินะพัฒน์
ชื่นแดชุ่ม (2542, หน้า 32) ได้สรุปว่า
พัฒนาการทางภาษานั้นเป็นธรรมชาติซึ่งเกิดจากกรอบแนวคิดด้านมโนทัศน์ตามที่ไวก๊อตสกี้ได้ศึกษามา
และภาษาถือเป็นเครื่องมือที่บุคคลทั่วไปใช้กันในการติดต่อสื่อสารและทำความเข้าใจกัน
กล่าวคือ
ภาษาคือเครื่องมือช่วยสื่อสารชนิดหนึ่ง
ถือเป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจำนวนเครื่องมือทั้งหลาย (tool of tools) (Reich College of Education, 2006, para. 5) เพื่อที่จะทำความตกลงเข้าใจกัน ให้ความเห็นตรงกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น